แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำร้องจำเลยอ้างว่า จำเลยย้ายออกจากบ้านที่เจ้าพนักงานศาลไปปิดหมาย โดยให้ญาติเป็นผู้ดูแลบ้านดังกล่าวจำเลยจึงไม่ทราบนัดและมิได้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพิ่งทราบการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่จะยื่นฎีกาแล้ว ขออนุญาตยื่นฎีกา โดยให้ศาลกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ในคำร้องจำเลยมิได้โต้แย้งว่า การส่งหมายนัดไม่ชอบแต่ประการใด เท่ากับเป็นการยอมรับว่าการส่งหมายนัดโดยวิธีปิดหมายชอบแล้ว การที่จำเลยมิได้อยู่บ้านจึงไม่ทราบวันนัด มาทราบภายหลังเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดยื่นฎีกา จึงขออนุญาตฎีกา ย่อมเห็นได้ชัดว่าจำเลยประสงค์ยื่นฎีกาโดยให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลย เท่ากับเป็นการขอขยายระยะเวลาในการยื่นฎีกา ซึ่งต้องพิจารณาคำร้องขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งกำหนดให้ศาลมีอำนาจขยายระยะเวลาได้ แต่พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย สำหรับกรณีของจำเลยปรากฏว่าเมื่อมีการส่งหมายนัดโดยชอบแล้วถือว่าจำเลยทราบวันนัด ที่จำเลยอ้างมาว่าไม่ทราบวันนัดเป็นการอ้างในเรื่องส่วนตัวของจำเลยเอง มิใช่เหตุสุดวิสัยจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่ศาลจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยและชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ผู้ให้ราคาสูงสุด จำเลยยื่นคำร้อง 3 ฉบับศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้องทั้งสามฉบับ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ต่อมาศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ในวันที่ 18 กันยายน 2535 ได้แจ้งให้จำเลยทราบนัดโดยวิธีปิดหมายนัดที่บ้านของจำเลย ถึงวันนัดโจทก์จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นงดการอ่านคำพิพากษาและให้ถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้อ่านตามกฎหมายแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยย้ายออกจากบ้านที่เจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไปปิดนานแล้ว มีเพียงญาติจำเลยเป็นผู้ดูแลบ้านดังกล่าว จำเลยจึงไม่ทราบวันนัดและมิได้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยเพิ่งทราบการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 หลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นฎีกาแล้ว จำเลยขออนุญาตยื่นฎีกา โดยให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลยยื่นฎีกาตามที่เห็นสมควร
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีล่วงเลยกำหนดเวลายื่นฎีกามาเป็นเวลานานแล้วจึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในคำร้องจำเลยมิได้โต้แย้งว่า การส่งหมายนัดไม่ชอบแต่ประการใด เป็นการยอมรับว่าการส่งหมายนัดโดยวิธีปิดหมายชอบแล้ว เพียงแต่จำเลยมิได้อยู่บ้าน จึงไม่ทราบวันนัดมาทราบภายหลังเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดยื่นฎีกา จึงขออนุญาตฎีกา เห็นได้ชัดว่าจำเลยประสงค์จะยื่นฎีกา และได้ขออนุญาตยื่นฎีกาโดยให้ศาลกำหนดเวลาให้จำเลย เท่ากับเป็นการขอขยายระยะเวลาในการยื่นฎีกา ต้องพิจารณาคำร้องขอของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งกำหนดให้ศาลมีอำนาจขยายระยะเวลาได้ แต่พึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และศาลได้มีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย กรณีของจำเลยยื่นคำร้องเมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว จึงต้องมีเหตุสุดวิสัย ที่จำเลยอ้างในคำร้องว่าไม่ทราบวันนัดนั้น เห็นว่า เมื่อมีการส่งหมายนัดโดยชอบแล้วกฎหมายถือว่าจำเลยทราบวันนัด กรณีที่จำเลยอ้างมาตามคำร้องว่าไม่ทราบวันนัดนั้นเป็นการอ้างในเรื่องส่วนตัวของจำเลยเองไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จึงไม่มีความจำเป็นอันใดจะต้องไต่สวนคำร้องของจำเลย
พิพากษายืน