คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4979/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นวัดที่อยู่ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 46 บัญญัติว่า “การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง” แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคมดังนั้น การที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโยเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎมหาเถรสมาคม พระณรงค์ นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์.

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยเรียกจำเลยตามลำดับสำนวนเป็นจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวจำเลยทั้งสามเป็นผู้ช่าช่วงตึกแถวของโจทก์ แต่จำเลยทั้งสามผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสามเพิกเฉยโจทก์จึงบอกเลิกการเช่า ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไป และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ คนละ ๓,๐๐๐ บาทนับตั้งแต่วันฟ้อง
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า พระณรงค์ นันทิโย ไม่ใช่เจ้าอาวาสหรือผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นนิติบุคคลประเภทวัดวาอาราม ขณะฟ้องตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างอยู่ เพราะเจ้าอาวาสองค์สุดท้ายมรณภาพ ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโย เป็นเจ้าอาวาสวัดโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าการให้เช่าตึกแถวของโจทก์ โจทก์ต้องส่งร่างสัญญาเช่าต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเสนอกรมการศาสนาให้ความเห็นชอบคณะสงฆ์ไทยและกรมการ ศาสนาไม่เคยยกวัดโจทก์ให้สถานทูตพม่า รายได้จากค่าเช่าเก็บไว้ที่วัดไม่ได้ส่งให้สถานทูตพม่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ชัดว่า โจทก์เป็นวัดที่อยู่ ในความปกครองของคณะสงฆ์ไทย ประกอบกับพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา ๔๖ บัญญัติว่า”การปกครองคณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์ไทยให้เป็นไปตามกฎกระทรวง”แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้ออกกฎกระทรวงใช้บังคับแก่คณะสงฆ์อื่นนอกจากคณะสงฆ์จีนนิกายและอนัมนิกายแต่อย่างใด การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์ จึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และกฎมหาเถรสมาคม ดังนั้นการที่อธิบดีสงฆ์พม่าแต่งตั้งพระณรงค์ นันทิโย เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิใช่เป็นการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ และกฎมหาเถรสมาคมพระณรงค์ นันทิโย จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสของโจทก์
พิพากษายืน

Share