คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4978/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 โจทก์ฎีกา เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 2 ย่อมไม่อาจกระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๘ , ๑๕ , ๖๖ , ๖๗ , ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๓๓ , ๘๓ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง) ลงโทษจำคุก ๕ ปี จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ลงโทษจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ และคำให้การชั้นจับกุมของจำเลยที่ ๒ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี ๔ เดือน และจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ ปี ๒ เดือน ๒๐ วัน ริบเมทแอมเฟตามีน กระดาษสา หลอดพลาสติก และกรรไกรของกลาง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก คืนธนบัตรจำนวน ๓,๒๒๐ บาท ของกลางให้แก่เจ้าของ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง และลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ ๒ ย่อมไม่อาจเป็นผู้กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดในความผิดฐานนี้ได้ ซึ่งเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาไปถึงจำเลยที่ ๒ ซึ่งมิได้อุทธรณ์ฎีกาได้ ส่วนกระดาษสา หลอดพลาสติกและกรรไกรไม่ใช่เครื่องมือเครื่องใช้ในการกระทำความผิด คดีนี้จึงไม่อาจริบได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ เสียด้วย และไม่ริบกระดาษสา หลอดพลาสติกและกรรไกรของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗.

Share