แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจนได้มีการสืบสวนขยายผลจนไปพบ ซ. ที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่ง แม้จับกุมตัว ซ. ผู้นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งไม่ได้ แต่ก็นำไปสู่การยึดเมทแอมเฟตามีนได้ถึง 5,800 เม็ดเศษ มากกว่าของกลางในคดีนี้ และเจ้าพนักงานตำรวจก็ได้มีโอกาสเห็นตัว ซ. อีกทั้งยังได้บันทึกรูปพรรณสัณฐานของ ซ. ไว้แล้วอันเป็นประโยชน์ในการสืบสวนติดตามจับกุมในโอกาสต่อไป ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 58, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2658/2555 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้
จำเลยที่ 1 ในการรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยทั้งสามคนละตลอดชีวิตและปรับคนละ 1,200,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ลดโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี และปรับ 600,000 บาท บวกโทษจำคุก 12 เดือน ที่รอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2658/2555 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี 12 เดือน และปรับ 600,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 800,000 บาท หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเกินหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยทั้งสามคนละ 1,000,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 500,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละหนึ่งในสาม เป็นปรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 คนละ 666,666.66 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ชั้นนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อตำรวจ ซึ่งศาลจะลงโทษจำเลยที่ 2 น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 หรือไม่ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยที่ 2 เพิ่งยกขึ้นว่ากล่าวโดยแจ้งชัดในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย สำหรับปัญหาดังกล่าว ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความตามคำเบิกความของพันตำรวจโท มงคล เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยว่า ชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ โดยให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่าจำเลยที่ 2 เป็นคนติดต่อซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากนายเซี้ยง คนลาว และจำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องและหมายเลขโทรศัพท์ไว้ตามแผนผังแสดงเครือข่ายยาเสพติดของจำเลยที่ 2 หลังจากนั้นได้ทำการขยายผลเพื่อที่จะจับกุมนายเซี้ยงตามที่จำเลยที่ 2 ให้ข้อมูล ซึ่งต่อมาได้ติดตามไปที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย และตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนได้ 3 มัด จำนวน 5,800 เม็ดเศษ แต่นายเซี้ยงสามารถวิ่งหลบหนีเข้าป่า ไม่สามารถจับกุมได้ และมีดาบตำรวจสุนทรเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมอีกคนหนึ่งเบิกความว่า หลังจับกุมจำเลยที่ 2 ต่อมาวันที่ 2 มิถุนายน 2556 พยานพร้อมชุดจับกุมเดินทางไปที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย พร้อมกับจำเลยที่ 2 ไปตรงจุดที่จำเลยที่ 2 ได้นัดหมายกับนายเซี้ยงให้นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบ แล้วมีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งตรงรถของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม ร้อยตำรวจเอกจารุพัฒน์ ซึ่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับได้คว้าตัวชายคนดังกล่าวไว้ แต่ไม่สามารถคว้าตัวไว้ได้ จากนั้นพยานได้ติดตามไปเพื่อคว้าตัวชายดังกล่าว จนพยานกับชายคนนั้นล้มลงและชายคนนั้นวิ่งหนีไปได้ จากการตรวจบริเวณดังกล่าวพบเมทแอมเฟตามีนประมาณ 6,000 เม็ด ชุดจับกุมได้จัดทำบันทึกการตรวจยึดไว้ตามบันทึกการตรวจยึด โดยบันทึกดังกล่าวระบุว่าชายที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งคือนายเซี้ยงและได้บันทึกถึงรูปพรรณสัณฐานของนายเซี้ยงไว้ด้วย ซึ่งเรื่องที่จำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนขยายผลไปจับกุมนายเซี้ยง ที่อำเภอสังคม และยึดได้เมทแอมเฟตามีน 5,800 เม็ดเศษ ดังกล่าว ศาลล่างทั้งสองก็ได้รับฟังข้อเท็จจริงยุติเป็นเบื้องต้นมาตามลำดับแล้ว เห็นว่า จากการที่จำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลต่อเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจนได้มีการสืบสวนขยายผลการจับกุมจนไปพบนายเซี้ยงที่นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งและยึดเมทแอมเฟตามีนได้อีก 5,800 เม็ดเศษนั้น แม้จับกุมตัวนายเซี้ยงผู้นำเมทแอมเฟตามีนมาส่งไม่ได้แต่ก็นำไปสู่การยึดเมทแอมเฟตามีนได้ถึง 5,800 เม็ดเศษมากกว่าของกลางในคดีนี้ แสดงว่าข้อมูลที่จำเลยที่ 2 ให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจตามที่เจ้าพนักงานตำรวจได้แจ้งสิทธิให้จำเลยทราบนั้นเป็นความจริงไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย การจับกุมนายเซี้ยง ผู้นำเมทแอมเฟตามีนนั้นมาส่งไม่ได้ ถือเป็นเรื่องความสามารถในการจับกุมคนร้ายของเจ้าพนักงานตำรวจเองไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 และเจ้าพนักงานตำรวจก็ได้มีโอกาสเห็นตัวนายเซี้ยงอีกทั้งยังได้บันทึกรูปพรรณสัณฐานของนายเซี้ยงไว้แล้ว อันเป็นประโยชน์ในการสืบสวนติดตามจับกุมนายเซี้ยงให้ได้ในโอกาสต่อไป ส่วนเมทแอมเฟตามีนที่นายเซี้ยงนำมาส่งนั้นก็นับว่าเป็นจำนวนมาก การที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ได้ย่อมทำให้จำนวนเมทแอมเฟตามีนไหลเวียนในหมู่ของผู้เสพยาเสพติดลดลงและยังมีส่วนทำให้เมทแอมเฟตามีนจำนวนนั้นไม่แพร่กระจายไปเป็นอันตรายต่อเยาวชนของชาติที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียนหรือคนทำงานทั่วไป การให้ข้อมูลของจำเลยที่ 2 ต่อเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำให้เจ้าพนักงานตำรวจได้มีโอกาสเห็นตัวคนร้ายและนำไปสู่การยึดเมทแอมเฟตามีนได้อีกจำนวนหนึ่งดังกล่าว จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อตำรวจและสมควรให้จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์โดยลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ได้ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบมาตรา 100/2 ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 42 ปี และปรับ 840,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 28 ปี และปรับ 560,000 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์