แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและบ้านของจำเลย ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินราคาไว้ 12,500,000 บาท โดยที่ดินและบ้านดังกล่าวติดจำนองธนาคาร เป็นหนี้จำนอง16,000,000 บาทเศษ ธนาคารดังกล่าวได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้ว ในวันทำการยึด บ้านจำเลยยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ อยู่ในระหว่างตกแต่งจำเลยไม่อยู่บ้าน เห็นได้ว่าไม่เป็นที่แน่นอนว่าทรัพย์สินในบ้านจะเป็นของจำเลยหรือไม่โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินพร้อมบ้านซึ่งมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นของจำเลยได้ เมื่อไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอื่นของจำเลย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่ายึดทรัพย์เกินกว่าที่พอจะชำระหนี้พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 วรรคแรก การยึดทรัพย์จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 108,950 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 33924, 33925, 33926 และ 33927 ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 100,000 บาทเศษ แต่ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ราคาประมาณ 20,000,000 บาท จำเลยมีสังหาริมทรัพย์ภายในบ้านราคาเพียงพอชำระหนี้โจทก์ แต่โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยึด การยึดทรัพย์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้งดการบังคับคดีและถอนการยึดทรัพย์
โจทก์ยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า โจทก์ไม่สามารถนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินในบ้านจำเลย ไม่ทราบว่ามีทรัพย์สินอื่น การยึดทรัพย์ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดติดจำนองธนาคารกรุงไทย จำกัด จำนวน16,000,000 บาทเศษ ซึ่งธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองและศาลอนุญาตแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยแต่เพียงว่า การยึดทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งมีบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 284 วรรคหนึ่ง วางหลักไว้ว่า เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้หรือศาลจะได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ห้ามไม่ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี… คดีนี้ปรากฏว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและบ้านของจำเลยซึ่งเจ้าพนักงานประเมินราคาไว้ 12,500,000 บาท โดยที่ดินและบ้านดังกล่าวติดจำนองธนาคารกรุงไทย จำกัด เป็นหนี้จำนอง 16,000,000 บาทเศษ ซึ่งต่อมาธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองและศาลชั้นต้นอนุญาตแล้วในวันทำการยึดบ้านจำเลยยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จอยู่ในระหว่างตกแต่ง จำเลยไม่อยู่บ้านเห็นได้ว่าไม่เป็นที่แน่นอนว่าทรัพย์สินในบ้านจะเป็นของจำเลยหรือไม่ โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินพร้อมบ้านซึ่งมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นของจำเลยได้เมื่อไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินอื่นของจำเลย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่ายึดทรัพย์เกินกว่าที่พอจะชำระหนี้พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี การยึดทรัพย์จึงชอบด้วยกฎหมาย ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน