คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่ถูกคนร้ายลักไปเป็นของผู้เสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่ากระบือนั้นเป็นของแม่ยายของผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายเป็นคนดูแลรักษากระบือนั้นทั้งหมด ดังนี้ ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๐๗ เวลากลางวัน มีคนร้ายลักกระบือ ๓ ตัว ราคา ๑,๘๐๐ บาทของนายภู อำมะ ผู้มีอาชีพประกอบกสิกรรมไปโดยทุจริต ต่อมาวันที่ ๑๓ เดือนเดียวกันนั้น มีผู้พบเห็นจำเลยกับพวกพากระบือ ๓ ตัวนั้นไป หรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกได้ร่วมกันรับกระบือ ๓ ตัวนั้นไว้จากคนร้าย โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๓๕, ๓๕๗ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานโจทก์มีเหตุอันน่าสงสัย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๕๗ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคา(กระบือเผือก ๑ ตัว) ๖๐๐ บาทแก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ส่วนข้อจำเลยฎีกาว่ากระบือ ๕ ตัวที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ความจริงเป็นของแม่ยายนายภู มิใช่เป็นของนายภู ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้อง ควรพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียนั้น ข้อนี้ ตามคำของนายภูได้ความว่า นายภูเป็นคนดูแลรักษากระบือนี้ทั้งหมด จึงไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลพิพากษายกฟ้อง จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share