แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สภาตำบลซึ่งมีจำเลยเป็นประธานสภาเสนอโครงการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้รับอนุมัติ ต่อมาจำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองกล่าวหาผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอว่าเรียกร้องเงินค่าอนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวจากจำเลยจำนวน 2,000 บาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีน่าเชื่อว่ามีการเรียกร้องและรับเงิน 2,000 บาทจากจำเลย ฉะนั้นการที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมในฐานะประธานสภาตำบลและราษฎรในตำบล กรณีต้องด้วย ป.อ. มาตรา 329(1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคมพ.ศ. 2519 ข้อ 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 7 จำคุก 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยมีอายุ 58 ปี เป็นกำนันมา 10 ปี นับได้ว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หนังสือร้องเรียนของจำเลยเป็นความจริงจึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 330 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อเดือนเมษายน 2529 สภาตำบลบางมะเดื่อซึ่งมีจำเลยเป็นประธานสภาเสนอโครงการสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่บ้านท่ากรวดหมู่ที่ 1 ตำบลบางมะเดื่อ อำเภอพุนพิน ต่อคณะกรรมการสร้างงานในชนบทประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเงินค่าก่อสร้าง 245,663 บาทคณะกรรมการพิจารณาแล้วอนุมัติ ต่อมาในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองกล่าวหาร้อยตรีลมุล เมฆานุวงศ์ นายอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานีผู้เสียหายว่าเรียกร้องเงินค่าอนุมัติเลิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวจากจำเลยจำนวน 2,000 บาท ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่โจทก์มีร้อยตรีลมุล เมฆานุวงศ์ ผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า คำร้องเรียนตามเอกสารหมาย จ.1 ไม่เป็นความจริงผู้เสียหายไม่ได้เรียกร้องเงินจากจำเลย และไม่มีผู้ใดเสนอให้ผลตอบแทนแก่ผู้เสียหาย จำเลยนำสืบต่อสู้โดยเบิกความว่า ในวันที่ขอเบิกเงินค่าก่อสร้างสะพานงวดที่ 2 จำเลยเข้าไปพบผู้เสียหาย ผู้เสียหายว่าต้องจ่ายค่าปูน ค่าเหล็ก ให้ผู้รับเหมาก่อน จำเลยบอกว่าจะจัดการจ่ายให้เอง ผู้เสียหายขอเงินจำเลย 2,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยนำเงิน 2,000 บาท ไปมอบให้ผู้เสียหายในห้องทำงาน นายอรัญ พูลมาศและนายช้อย รักสวัสดิ์ พยานจำเลยเบิกความสนับสนุนในทำนองเดียวกันว่าเห็นจำเลยเข้าไปในห้องทำงานผู้เสียหายแล้วควักเงิน 2,000 บาทมอบให้ผู้เสียหาย นายอรัญเป็นแพทย์ประจำตำบลบางมะเดื่อ นายช้อยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ตำบลบางมะเดื่อ มีตำแหน่งเป็นกรรมการสภาตำบลบางมะเดื่อด้วย พยานทั้งสองได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการเบิกรับเงินค่าก่อสร้าง รู้เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดโดยในวันเกิดเหตุร่วมกับจำเลยไปเบิกเงินค่าก่อสร้างจากเสมียนตราอำเภอ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน คำเบิกความของพยานทั้งสองจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวทำให้น่าเชื่อว่า มีการเรียกร้องและรับเงิน 2,000 บาท จากจำเลยฉะนั้นการที่จำเลยทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมการปกครองตามเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมในฐานะประธานสภาตำบลบางมะเดื่อ และราษฎรในตำบลบางมะเดื่อ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท..”
พิพากษายืน.