คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4952/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตอนแรกจำเลยใช้ไม้ตีผู้เสียหายก็เนื่องจากผู้เสียหายปลุกปล้ำภริยาจำเลย จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทางประตูหน้าบ้านเป็นการวิ่งหนี ไม่ได้วิ่งเข้าหาจำเลยหรือภริยาจำเลยเพื่อทำร้ายหรือกระทำการปลุกปล้ำอีกการกระทำของจำเลยในตอนหลังนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันจำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ประกอบมาตรา 69 โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยโต้แย้งว่าเป็นการป้องกันนั้นก็ไม่เป็นที่กระจ่างชัดตามคำกล่าวอ้างของจำเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีข้อเท็จจริงเช่นนั้นจริงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นชอบด้วยเหตุผลนั้นฎีกาของโจทก์เช่นนี้ โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาเลยว่าข้อเท็จจริงอย่างไรที่ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบ ฎีกาของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง และคืนอาวุธปืนแก่ทางราชการ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 12 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี ปลอกกระสุนปืนของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดจึงให้ริบ ส่วนอาวุธปืนของกลางนั้นเป็นของทางราชการจึงให้คืนแก่ทางราชการ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ปลอกกระสุนปืนของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิดจึงไม่ริบส่วนอาวุธปืนของกลางนั้นเป็นของทางราชการ จึงให้คืนแก่ทางราชการ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ไปเอาปืนออกมายิงผู้เสียหายซ้ำอีกหลังจากใช้ไม้ตีผู้เสียหายแล้ว แม้จะเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกระชั้นชิดกับการกระทำของจำเลยในตอนแรกซึ่งจำเลยใช้ไม้ตีผู้เสียหายก็เนื่องจากผู้เสียหายปลุกปล้ำภรรยา ซึ่งเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทางประตูหน้าบ้านเป็นการวิ่งหนีไม่ได้วิ่งเข้าหาจำเลยหรือภรรยาจำเลยเพื่อทำร้ายหรือกระทำการปลุกปล้ำอีก การกระทำของจำเลยในตอนนี้จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 69
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาต่อมาว่า ข้อเท็จจริงที่จำเลยโต้แย้งว่าเป็นการป้องกันนั้นก็ไม่เป็นที่กระจ่างชัดตามคำกล่าวอ้างของจำเลยไม่น่าเชื่อว่าจะมีข้อเท็จจริงเช่นนั้นจริง คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นชอบด้วยเหตุผล อันเป็นการฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบนั้น เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาเลยว่า ข้อเท็จจริงอย่างไรที่ถือว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุก 2 ปี ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุเข้าไปปลุกปล้ำภรรยาจำเลยถึงในบ้าน พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควร รอการลงโทษเพื่อให้จำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบปลอกกระสุนปืนของกลางที่ใช้กระทำผิด ส่วนอาวุธปืนของกลางเป็นของทางราชการคืนให้แก่ทางราชการ

Share