คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4951/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินตามฟ้องไว้เพื่อประกันความเสียหาย ในการที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าซื้อโทรทัศน์สีจากบุคคลอื่น จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับเงินไปจากโจทก์เลย ขณะทำสัญญากู้เป็นเวลา หลังค้ำประกันการเช่าซื้อไม่นานความเสียหายจากการค้ำประกันการเช่าซื้อ ยังไม่เกิดขึ้นและยังคำนวณไม่ได้ จึงเป็นหนี้ที่ยังไม่แน่นอนไม่อาจนำมาเป็นมูลหนี้ในสัญญากู้เงินได้ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันการกู้จึงไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไป ๔๐,๐๐๐ บาท ตกลงชำระดอกเบี้ยตามกฎหมายเป็นรายเดือนและคืนต้นเงินภายในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๒๗ มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จนถึงวันฟ้องจำเลยที่ ๑ ไม่เคยชำระดอกเบี้ยจำนวน ๒,๐๐๐ บาทแก่โจทก์เลย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงิน ๔๒,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ในต้นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่เคยได้รับคำบอกกล่าวให้ชำระหนี้จำเลยที่ ๒ ไม่เคยค้ำประกันเงินกู้ของจำเลยที่ ๑ สัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมโดยปลอมลายมือชื่อลงในช่องผู้ค้ำประกันและกรอกข้อความต่าง ๆ ลงไปเองขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๔๒,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมโดยกำหนดค่าทนายความ ๗๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องจำเลยทั้งสองแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยตามมูลหนี้เดิม ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลเป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากตัวโจทก์เองแล้วว่าโจทก์ให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้เงินตามฟ้องโจทก์ให้ตนไว้เพื่อประกันความเสียหายในการที่โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ซึ่งเช่าซื้อโทรทัศน์สีจากบุคคลอื่น จำเลยที่ ๑ ไม่ได้รับเงินจำนวน ๔๐,๐๐๐ บาทไปจากโจทก์เลย ขณะทำสัญญากู้เป็นเวลาหลังค้ำประกันการเช่าซื้อเพียง ๓ ชั่วโมง ความเสียหายจากการค้ำประกันการเช่าซื้อยังไม่เกิดขึ้นและยังคำนวณไม่ได้ จึงเป็นหนี้ที่ยังไม่แน่นอน ไม่อาจนำมาเป็นมูลหนี้ในสัญญากู้เงินได้ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ดังฟ้อง ผู้ค้ำประกันการกู้รายนี้จึงไม่ต้องรับผิด
พิพากษายืน

Share