แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเอาประโยชน์ที่อ้างว่าตัวแทนได้รับไว้จากการที่โจทก์มอบหมายให้ไปทำการแทน ดังนั้น ถึงการตั้งตัวแทนนั้นจะไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้เป็นหนังสือ โจทก์ก็ย่อมฟ้องได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ (อ้างฎีกาที่ 640/2489 และ 418/2501)
เอกสารมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ โจทก์ก็นำสืบได้ว่าที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของที่พิพาทนั้นได้กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ หาใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารไม่
(อ้างฎีกาที่ 640/2489 และ 1290/2501)
ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 79 บัญญัติว่า เมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินแล้ว ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินเป็นบางส่วน ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้น และพนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้นไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน เมื่อได้รังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว ถ้าจะต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมก็ให้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียก่อน แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ให้ ดังนั้น การที่คู่ความชี้เขตให้พนักงานศาลทำแผนที่แบ่งเขตที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ และศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้น จึงไม่ชอบ ชอบที่จะให้ถอนชื่อจำเลยออกและใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้มีชื่อในโฉนด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้มอบเงินของโจทก์ให้จำเลยทั้งสองเป็นตัวแทนไปทำการซื้อที่ดินแทนโจทก์ เจ้าพนักงานที่ดินได้ออกโฉนดใส่ชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนโจทก์ตลอดมา ต่อมาโจทก์ประสงค์จะปลูกตึกในที่ดินของโจทก์ ได้แจ้งในจำเลยจัดการโอนที่ดินเป็นของโจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ได้มอบให้จำเลยซื้อทรัพย์แทนโจทก์ จำเลยที่ ๒ ซื้อทรัพย์พิพาทจากผู้มีชื่อและใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ กับนางนุ้ย แซ่เตียว ลงในใบไต่สวนร่วมกับจำเลยที่ ๒ โจทก์อ้างว่าให้จำเลยเป็นตัวแทนซื้อทรัพย์พิพาทไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมเป็นโมฆะ ใช่ไม่ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยเป็นตัวแทนซื้อทรัพย์พิพาทแทนโจทก์แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็ฟ้องได้ ให้จำเลยทั้งสองจัดการโอนโฉนดให้แก่โจทก์ที่ ๒
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องว่าให้จำเลยซื้อที่ดินแทนตน แต่ไม่มีหลักฐานการตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ ย่อมเป็นโมฆะนั้น กรณีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเอาประโยชน์ที่อ้างว่าตัวแทนได้รับไว้จากการที่โจทก์มอบหมายให้ไปทำการแทน ดังนั้น ถึงการนั้นจะไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้เป็นหนังสือ โจทก์ก็ย่อมฟ้องได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ ส่วนที่ว่าเมื่อตามเอกสารมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของโจทก์จะนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเป็นประการอื่นไม่ได้นั้น โจทก์นำสืบได้ว่าที่จำเลยมีชื่อเป็นเจ้าของที่พิพาทนั้น ได้กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของโจทก์ หาใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารไม่ พยานโจทก์มีหลักฐานมั่นคงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้มอบให้จำเลยเป็นตัวแทนซื้อที่ดินรายนี้ส่วนหนึ่งไว้ให้แก่โจทก์ แต่เนื่องจากที่ดินแปลงนี้มีชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่ ๓ คน การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานศาลไปทำแผนที่แบ่งเขตที่ดินตามโฉนดแล้วชี้ขาดว่าที่วิวาทหมายเส้นสีแดงเป็นของโจทก์นั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะตามประมวลกฎหมายที่ดินบัญญัติว่า เมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินแล้ว ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินเป็นบางส่วน ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้นและพนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนั้น ไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดิน เมื่อได้รังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว ถ้าจะต้องจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ก็ให้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียก่อน แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ให้ ดังนั้น การที่คู่ความชี้เขตให้พนักงานศาลทำแผนที่แบ่งเขตที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ และศาลพิพากษาให้เป็นไปตามนั้นจึงไม่ชอบ
พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดิน แล้วใส่ชื่อโจทก์ที่ ๒ ถือกรรมสิทธิ์ต่อไป ยกฎีกาจำเลย