คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำนั้น พร้อมกับเพิ่มโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 297 ให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 72 อีกหนึ่งในสาม ลดฐานปรานีตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปีเมื่อพ้นโทษจำคุกแล้ว ให้ส่งตัวไปกักกันอีก 5 ปีตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 8, 9

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า ศาลได้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 72 แล้ว จะเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติกักกันอีกไม่ได้

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตรา 9 บัญญัติไว้ชัดแล้วว่า ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายให้ศาลพิพากษาลงอาญาแก่ผู้นั้นตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นเสียชั้นหนึ่งก่อน แล้วจึงพิพากษาให้เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง

ส่วนที่จำเลยขอให้ลดโทษกักกันตามมาตรา 59 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา นั้น ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีที่ 1387/2495 แล้วว่าจะลดโทษตามมาตรา 59 ไม่ได้

คงพิพากษายืน

Share