คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4945/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ที่ดินทรัพย์มรดกที่ผู้ตายได้มาระหว่างอยู่กินกับผู้คัดค้านและทำมาหาได้ร่วมกัน หลังจากผู้ตายหย่ากับภริยาคนเดิมแล้วผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย เมื่อผู้ร้องมีพฤติการณ์เป็นปรปักษ์ต่อผู้คัดค้านและ ส. ซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายที่ได้รับรองแล้ว และปฏิเสธบุคคลทั้งสองว่าไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกซึ่งขัดกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ผู้คัดค้านแสดงความตั้งใจที่จะแบ่งปันทรัพย์มรดกด้วยความชอบธรรม หากผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวหรือเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วยก็จะมีข้อขัดแย้ง และเป็นอุปสรรคในการจัดการมรดกให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ผู้ร้องจึงไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก สมควรให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายชื่นกับนางสายบัว ผูกโพธิ์ ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสและหย่ากันเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2533 นายชื่นถึงแก่ความตายเนื่องจากถูกรถชน โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ผู้ตายมีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2846เนื้อที่ดิน 17 ไร่ 2 งาน 45 ตารางวา และทรัพย์สินอื่น ๆ ผู้ร้องได้ติดต่อกับเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทแล้ว แต่เจ้าพนักงานแจ้งว่ามีเหตุขัดข้องต้องให้ศาลมีคำสั่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อน ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายชื่น ผูกโพธิ์ ผู้ตายมาตั้งแต่ พ.ศ. 2514 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือนายสุธน ผูกโพธิ์ ผู้ตายให้ความอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาและให้นายสุธนใช้นามสกุลตลอดจนแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่านายสุธนเป็นบุตร ที่ดินตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านและผู้ตายทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้ร้องมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพราะผู้ร้องมีเจตนาปกปิดและเบียดบังทรัพย์มรดกส่วนที่ตกได้แก่นายสุธนให้แก่บุคคลอื่น ผู้คัดค้านซึ่งเป็นภริยามีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกครึ่งหนึ่ง เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายมากกว่าผู้ร้องขอให้ยกคำร้องและตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตายกับนางสายบัว ผูกโพธิ์ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2514 และต่อมาได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 ตามภาพถ่ายทะเบียนการหย่าเอกสารหมาย ค.1 ผู้ตายได้รับอุบัติเหตุจากรถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2533 ตามมรณบัตรเอกสารหมาย ร.5 ระหว่างผู้ตายมีชีวิตอยู่มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2846 ตำบลศิลาทิพย์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 17 ไร่ 2 งาน 45 ตารางวาซึ่งติดจำนองอยู่ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด ปรากฏตามเอกสารหมาย ร.4มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกดังกล่าวของผู้ตายหรือไม่ และผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ในปัญหาว่าผู้คัดค้านมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกดังกล่าวของผู้ตายหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินตามเอกสารหมาย ร.4 เป็นทรัพย์มรดกที่ผู้ตายได้มาระหว่างอยู่กินกับผู้คัดค้านและทำมาหาได้ร่วมกันหลังจากผู้ตายหย่ากับนางสายบัวภริยาคนเดิมแล้ว เช่นนี้ ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ส่วนปัญหาว่าผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้น เห็นว่า ผู้ร้องมีพฤติการณ์เป็นปรปักษ์ต่อผู้คัดค้าน และนายสุธนซึ่งเป็นภริยาและบุตรของผู้ตายที่ได้รับรองแล้ว และปฏิเสธบุคคลทั้งสองว่าไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกรายนี้ ซึ่งขัดกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ผู้คัดค้านแสดงความตั้งใจที่จะแบ่งปันทรัพย์มรดกรายนี้ด้วยความชอบธรรมหากผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวหรือผู้จัดการมรดกร่วมด้วยก็จะมีข้อขัดแย้งและเป็นอุปสรรคในการจัดการมรดกให้สำเร็จลุล่วงไปได้ผู้ร้องจึงไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ที่ศาลล่างทั้งสองตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียวชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share