คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4942/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลอาคารชุดได้แต่งตั้งให้บริษัท ก. เป็นผู้จัดการ บริษัท ก. ได้แต่งตั้งให้ บ. เป็นผู้ดำเนินการแทนในฐานะผู้จัดการเพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 35 วรรคสอง บ. ย่อมมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้แทนของนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ด้วยตามมาตรา 36 (3) ทั้งมีอำนาจฟ้องร้องดำเนินคดีตามข้อบังคับของโจทก์ที่ระบุให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของนิติบุคคลอาคารชุด บ. ย่อมมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชำระหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางและค่าเบี้ยประกันภัยที่ค้างชำระแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 การดำเนินการกิจการใด ๆ มีผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด คือบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยมีนางสาวเบ็ญจรัตน์ ภูริปรัชญา ได้รับแต่งตั้งตามมติของเจ้าของร่วมให้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ในการฟ้องร้องคดีนี้โจทก์โดยนางสาวเบ็ญรัตน์ได้มอบอำนาจให้นายอนุรัตน์ พูลอาภรณ์ เป็นผู้ดำเนินคดีแทนและให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ด้วย และนายอนุรัตน์ได้มอบอำนาจช่วงให้นายพิริยะ จิตต์พิริยะการ เป็นผู้ดำเนินคดีแทน จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ 365/1467 มีเนื้อที่ 52.78 ตารางเมตรของอาคารชุดดังกล่าวและจำเลยค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าเบี้ยประกันภัยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หลายปี รวมเป็นเงิน 43,071.79 บาท เมื่อคิดรวมกันเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน ตามข้อบังคับข้อ 9 คิดถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 เป็นเงิน 129,147.95 บาท และค่าน้ำประปา 51.9 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 172,321.44 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 172,321.44 บาท พร้อมเบี้ยปรับร้อยละ 10 ต่อเดือนของต้นเงิน 43,071.79 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีนี้เนื่องจากบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่อ้างว่าได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดนั้น ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3 ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจะต้องมีกรรมการสองคนลงชายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัทจึงจะดำเนินการได้และมีผลเป็นการกระทำแทนบริษัท แต่คดีนี้ตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 6 ซึ่งบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการนิติบุคคลทำหนังสือมอบอำนาจให้นายอนุรัตน์ พูลอาภรณ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจเพื่อดำเนินคดีนี้นั้น ปรากฏว่ามีกรรมการลงลายมือชื่อเพียงคนเดียวคือนางสาวเบ็ญจรัตน์ ภูริปรัชญา จึงไม่ถูกต้องตามอำนาจที่จดทะเบียนไว้ หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงไม่ถูกต้อง นายอนุรัตน์จึงไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ นายยุทธนา ปานคง จึงไม่มีอำนาจลงนามแทนโจทก์ในฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยติดใจต่อสู้ประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ว่าการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไม่ชอบ และโจทก์เรียกเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนประเด็นข้ออื่น ๆ นอกนี้จำเลยขอสละและไม่ติดใจสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 ในการดำเนินการของโจทก์มีผู้จัดการนิติบุคคลคือบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวเบ็ญจรัตน์ ภูริปรัชญา ได้รับแต่งตั้งตามมติของเจ้าของร่วมให้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ แต่ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทเอกสารหมาย จ.3 กรรมการซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการ 2 คน ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญบริษัท ดังนั้นแม้โจทก์จะได้ยื่นขอจดทะเบียเปลี่ยนแปลงผู้จัดการนิติบุคคลมาเป็นบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยนางสาวเบ็ญจรัตน์เพียงคนเดียวตามคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุด เอกสารหมาย จ.4 ก็ไม่อาจถือว่านางสาวเบ็ญจรัตน์ได้กระทำในนามนิติบุคคลตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทเอกสารหมาย จ.3 ได้ การมอบอำนาจและการมอบอำนาจช่วงตามหนังสือเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7 จึงไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นตามที่โจทก์และจำเลยไม่โต้เถียงกันรับฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 ตามสำเนาหนังสือสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุดเอกสารหมาย จ.2 โจทก์มีบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้จัดการตามสำเนาคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดเอกสารหมาย จ.4 และบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นนิติบุคคลมีผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทเอกสารหมาย จ.3 โจทก์โดยนางสาวเบ็ญจรัตน์ได้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัททำหนังสือมอบอำนาจให้นายอนุรัตน์ พูลอาภรณ์ เป็นผู้ดำเนินคดีแทนโจทก์ได้ และให้มีอำนาจมอบอำนาจช่วงได้ด้วยตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.6 และนายอนุรัตน์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจช่วงให้นายพิริยะ จิตต์พิริยะการ เป็นผู้ดำเนินคดีแทนได้ตามหนังสือมอบอำนาจช่วงเอกสารหมาย จ.7 มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ได้แต่งตั้งให้บริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้จัดการ และตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 35 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้จัดการให้นิติบุคคลนั้นแต่งตั้งบุคคลธรรมดาคนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลในฐานะผู้จัดการ” ในเมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่า ในการดำเนินเพื่อกิจการใด ๆ ของนิติบุคคลอาคารชุดบ้านสวนธน 1 วี นั้นมีผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดคือบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยมีนางสาวเบ็ญจรัตน์ ภูริปรัชญา ได้รับแต่งตั้งตามมติของเจ้าของรวมให้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ รายละเอียดตามหนังสือรับรองบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด สำเนารายการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับและตัวอย่างลายมือชื่อเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 3, 4, 5 ตามลำดับ และตามคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดดังกล่าวเอกสารหมาย จ.4 ปรากฏว่าโจทก์ขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้จัดการใหม่เป็นบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด และระบุไว้ด้วยว่าโดยนางสาวเบ็ญจรัตน์ ภูริปรัชญา ดังนี้แสดงว่าบริษัทกรีน พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้แต่งตั้งให้นางสาวเบ็ญจรัตน์เป็นผู้ดำเนินการแทนในฐานะผู้จัดการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 35 วรรคสอง ดังกล่าว เมื่อนางสาวเบ็ญจรัตน์เป็นผู้จัดการของโจทก์ตามมาตรา 35 วรรคสอง นางสาวเบ็ญจรัตน์ย่อมมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้แทนของนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ด้วย ตามมาตรา 36 (3) ของพระราชบัญญัติดังกล่าวที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้จัดการมีอำนาจหน้าที่เป็นผู้แทนของนิติบุคคลอาคารชุด” รวมทั้งมีอำนาจฟ้องร้องดำเนินคดี ตามข้อบังคับของโจทก์เอกสารหมาย จ.9 ข้อ 39.10 ที่ระบุให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของนิติบุคคลอาคารชุด นางสาวเบ็ญจรัตน์แต่ผู้เดียวลงลายมือชื่อย่อมมีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์ และปรากฏว่าคดีนี้โจทก์โดยนางสาวเบ็ญจรัตน์ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้แต่งทนายความเอง ไม่ได้มอบอำนาจให้นายอนุรัตน์เป็นผู้ดำเนินคดีแทนแต่อย่างใดที่จะทำให้หนังสือมอบอำนาจไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายดังจำเลยให้การต่อสู้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นและเห็นว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นไปตามลำดับศาลจึงให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาประเด็นข้อพิพาทอื่นที่ยังไม่ได้วินิจฉัย อนึ่ง อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์เช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 ก. เมื่อปรากฏว่าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลเกินมาจึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่โจทก์
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในประเด็นที่ยังไม่ได้วินิจฉัย ค่าขึ้นศาลที่ชำระเกินมาในชั้นนี้ให้คืนแก่โจทก์ ค่าทนายความในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share