คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลเดิมสั่งเรื่องอนาถาก่อนใช้ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง คำสั่งนั้นไม่เป็นที่สุดอุทธรณ์ฎีกาได้ไม่ต้องนำปัญหาเรื่องค้างชำระมาบังคับที่จะเป็นที่สุดต้องเป็นคำสั่ง ตาม ม.156 ประมวลวิธีพิจารณาแพ่งนั้นเอง การไต่สวนอนาถาศาลต้องไต่สวนถึงข้อมูลคดีแลข้อยากจนและในการไต่สวนนั้นศาลต้องยอมให้จำเลยนำพะยานมาสืบได้

ย่อยาว

โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา เรียกทรัพย์มฤดก ม.จากจำเลยโดยอ้างว่า โจทก์เป็นบุตร์ ป.ซึ่งเป็นญาติกับ ม.จำเลยคัดค้านว่าโจทก์มิใช่บุตร์ ป.และ ม.ตัด ป.ไม่นับว่าญาติทั้งคดีโจทก์ขาดอายุความ ๑ ปี
ศาลแพ่งไต่สวนพะยานโจทก์แล้ว จำเลยจะขอสืบพะยานในข้อมูลคดี ส่วนข้อยากจนไม่คัดค้าน
ศาลแพ่งไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพะยานแล้วอนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา ศาลอุทธรณ์ยืน
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลฎีการับวินิจฉัยคดีนี้ได้ เพราะคำสั่งศาลเดิมในเรื่องนี้เป็นการสั่งตามกฎหมายที่มีอยู่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.๑๕๖ วรรค ๔ ซึ่งบัญญัติว่าให้คำสั่งอย่างนี้เป็นที่สุดดังนี้ คดีจึงไม่มีปัญหาที่จะนำมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลจะต้องไต่สวนข้อมูลคดีแลข้อยากจนทั้ง ๒ ประการ และศาลจะต้องฟังคำพะยานจำเลยประกอบการไต่สวน จึงพิพากษาให้ศาลแพ่งสืบพะยานจำเลยต่อไป แล้วสั่งใหม่ ค่าธรรมเนียมค่าทนายให้ฝ่ายแพ้คดีในที่สุดเป็นผู้เสีย

Share