คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4930/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฎีกาว่า คำให้การของจำเลยทั้งห้าไม่ชัดแจ้ง คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความ เมื่อคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนั้น ปัญหาว่าคดีมีประเด็นเรื่องอายุความหรือไม่จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินโฉนดเลขที่ 12909 เป็นสินสมรสของโจทก์กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จดทะเบียนทำนิติกรรมโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ นิติกรรมสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆียะก่อนฟ้องโจทก์ได้บอกล้างนิติกรรมนี้แล้ว ขอบังคับให้จำเลยทั้งห้าไปจดทะเบียนเพิกถอนสัญญาซื้อขายตามฟ้อง และโอนกรรมสิทธิ์จากชื่อของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นชื่อของจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 โอนใส่ชื่อโจทก์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในที่ดินดังกล่าว
จำเลยทั้งห้าให้การทำนองเดียวกันว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1มิได้เป็นสามีภรรยากัน ที่ดินตามฟ้องมิใช่สินสมรสแต่เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 แต่เพียงผู้เดียว จำเลยที่ 1 มีสิทธิทำสัญญาขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ซื้อที่ดินโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายและคดีของโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่โจทก์ฎีกาว่าคำให้การของจำเลยทั้งห้าที่ต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความไม่ชัดแจ้ง คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความนั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ซึ่งเป็นสามีฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินสินสมรสที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภรรยาได้กระทำไปโดยปราศจากความยินยอมของโจทก์ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 วรรคสอง ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้นและต้องนำมาปรับใช้ในคดีนี้ได้บัญญัติห้ามมิให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว ถ้าปรากฏว่าในขณะที่ทำนิติกรรมนั้นบุคคลภายนอกได้กระทำการโดยสุจริต คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้กระทำการโดยสุจริต ซึ่งศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเสียแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ เช่นนี้ ปัญหาว่าคดีมีประเด็นเรื่องอายุความหรือไม่จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share