คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4924/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัท อ. โจทก์นำมาถือเป็นรายจ่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และไม่ปรากฏว่าการจ่ายเงินจำนวนนี้ โจทก์ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายและนำส่งให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้พิจารณาลดเงินเพิ่มให้เหลือเพียงร้อยละ 10 แห่งเงินภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งนับว่าเป็นคุณแก่โจทก์มากอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะงดเงินเพิ่ม
เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่า เงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน196,719.80 บาท มิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จึงถือเป็นเงินได้ของโจทก์และคำนวณภาษีและเงินเพิ่มให้โจทก์เสียรวม 70,818.88 บาท แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าเงินจำนวน 196,719.80 บาทนี้ เจ้าพนักงานประเมินนำไปคำนวณภาษีโดยถือเป็นเงินได้ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นภาษีที่โจทก์ถูกหักณ ที่จ่ายตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะเอาไปเครดิตภาษีได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ เมื่อปรากฏว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินภาษีที่โจทก์ถูกหัก ณ ที่จ่ายก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.2516 โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเอามาเครดิตภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.2516 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้โจทก์เสียภาษีในจำนวนที่เอาไปเครดิตไม่ได้เป็นเงิน 196,719.80 บาทซึ่งมากกว่าจำนวนที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้โจทก์เสียนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า เงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน 196,719.80 บาท ดังกล่าวนั้นได้มีการโต้แย้งกันมาแต่ชั้นเจ้าพนักงานประเมินตลอดมาจนถึงชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แก้ไขโดยคิดให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิได้เอาเงินได้อื่นมาคำนวณเพื่อเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใด กรณีเช่นนี้มิใช่เป็นการประเมินเรียกเก็บเพิ่มเติมในประเด็นข้ออื่น หรือใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใด คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจทำได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงาน-ประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กับขอให้งดเงินเพิ่มแก่โจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานของจำเลยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์บางส่วน โดยให้เพิกถอนการประเมินที่ ต.๕/๑๐๓๙/๒/๐๐๕๑๘ ลงวันที่ ๒๓สิงหาคม ๒๕๒๖ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ ๑๕๘ ข./๒๕๓๑ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน๒๕๓๑ เฉพาะรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย จำนวน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาทคำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่าเจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖ ถึง ๒๕๑๙ ให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มเติมพร้อมด้วยเงินเพิ่ม โจทก์อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มเติมพร้อมด้วยเงินเพิ่ม ๒ รายการคือเงินค่าใช้จ่ายที่โจทก์ส่งไปให้บริษัทแองโกล – ไทย (ลอนดอน) จำกัดในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖ ถึง ๒๕๑๙ เป็นเงิน ๒,๑๙๑,๑๔๓ บาทโจทก์อ้างว่าเป็นรายจ่ายของโจทก์ จึงนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณหากำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี จำเลยเห็นว่ากฎหมายห้ามไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา ๖๕ ตรี (๑๓) (๑๔) แห่งประมวลรัษฎากร จึงนำมาคำนวณภาษีใหม่ให้โจทก์เสียภาษีและเงินเพิ่ม ๗๒๓,๐๗๗.๑๘ บาท ส่วนรายการที่ ๒ โจทก์ได้นำภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๖๙ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรมาเครดิตในการคำนวณภาษีของโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖เป็นเงิน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาท เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่าเงินจำนวนดังกล่าวมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จึงถือเป็นเงินได้ของโจทก์และคำนวณภาษีใหม่ โดยให้โจทก์เสียภาษีเพิ่ม ๗๐,๘๑๘.๘๘ บาท แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าเงินจำนวน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาทนี้ เจ้าพนักงานประเมินนำไปคำนวณภาษีโดยถือเป็นรายได้ไม่ถูกต้อง แต่เป็นเงินภาษีที่โจทก์จะต้องนำไปเครดิตภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้เท่านั้น เมื่อภาษีส่วนนี้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินมิได้หัก ณ ที่จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖ ของโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินภาษีดังกล่าวไปเครดิตภาษีในปี พ.ศ.๒๕๑๖ และให้โจทก์เสียภาษีมากกว่าที่เจ้าพนักงานประเมินให้โจทก์เสีย โดยให้โจทก์ต้องเสียภาษี ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาท ที่เอาไปเครดิตไม่ได้ด้วย
สำหรับประเด็นตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า เงินที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทแองโกล – ไทย (ลอนดอน) จำกัด จะถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ข้อนำสืบของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าเป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทดังกล่าวเพื่อเป็นค่าบริการสำหรับกิจการของโจทก์ จึงมิใช่เป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะของโจทก์ และมิใช่จ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ จึงไม่อาจถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้งดเงินเพิ่มนั้น เห็นว่า เงินที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทแองโกล – ไทย (ลอนดอน) จำกัด โจทก์ได้นำมาถือเป็นรายจ่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และไม่ปรากฏว่าการจ่ายเงินจำนวนนี้โจทก์ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งให้ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้พิจารณาลดเงินเพิ่มให้เป็นคุณแก่โจทก์มากอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะงดเงินเพิ่มให้แก่โจทก์
ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มขึ้นจากที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินไว้ได้หรือไม่ ตามข้อเท็จจริงที่ยุติปรากฏว่า เจ้าพนักงานประเมินเห็นว่า เงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายจำนวน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาท มิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ จึงถือเป็นเงินได้ของโจทก์และคำนวณภาษีและเงินเพิ่มให้โจทก์เสียรวม ๗๐,๘๑๘.๘๘ บาท แต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าเงินจำนวน๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาทนี้ เจ้าพนักงานประเมินนำไปคำนวณภาษีโดยถือเป็นเงินได้ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นภาษีที่โจทก์ถูกหัก ณ ที่จ่ายตามมาตรา ๖๙ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะเอาไปเครดิตภาษีได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่หักไว้ เมื่อปรากฏว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินภาษีที่โจทก์ถูกหัก ณ ที่จ่ายก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเอามาเครดิตภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ.๒๕๑๖ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้โจทก์เสียภาษีในจำนวนที่เอาไปเครดิตไม่ได้เป็นเงิน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาท ซึ่งมากกว่าจำนวนที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้โจทก์เสียนั้น เห็นว่า เงินภาษีหักณ ที่จ่ายจำนวน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาท ดังกล่าวนั้น ได้มีการโต้แย้งกันมาแต่ชั้นเจ้าพนักงานประเมินตลอดมาจนถึงชั้นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เพียงแต่เจ้าพนักงานประเมินคิดภาษีไม่ถูกต้อง คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงแก้ไขโดยคิดให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิได้เอาเงินได้อื่นมาคำนวณเพื่อเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใด กรณีเช่นนี้มิใช่เป็นการประเมินเรียกเก็บเพิ่มเติมในประเด็นข้ออื่นหรือใช้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใด คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจทำได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย จำนวน ๑๙๖,๗๑๙.๘๐ บาทเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง.

Share