คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดพิจารณานัดก่อนทนายโจทก์มาศาลด้วยตนเอง จึงต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ร่วมกำหนดวันนัดพิจารณาครั้งต่อไปด้วย ซึ่งโดยปกติก็ต้องนัดพิจารณาในวันว่างของทนายโจทก์ด้วย หากเกิดกรณีไปนัดซ้อนวันกันกับศาลอื่นก็ชอบที่ทนายโจทก์จะต้องรีบร้องขอเลื่อนคดีเสียแต่เนิ่น ๆ มิใช่เพิ่งให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีมายื่นต่อศาลในวันนัดพิจารณานัดหลัง ซึ่งห่างจากวันนัดพิจารณานัดก่อนถึง 48 วัน กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 175, 180, 264, 265, 266(4)
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ในวันนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 13 กันยายน2533 ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีมายื่นอ้างว่าไม่สามารถว่าความได้ เพราะติดว่าความอยู่ที่ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ซึ่งได้เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ไม่อาจเลื่อนอีกต่อไปได้ จำเลยแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าทนายโจทก์นัดความไว้ 2 ศาล วันเดียวกัน เป็นความผิดของทนายโจทก์ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและได้ทำการพิจารณาสืบพยานจำเลยไปจนเสร็จแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2533 ซึ่งเป็นวันนัดพิจารณานัดก่อนปรากฏว่าทนายโจทก์มาศาลด้วยตนเอง เมื่อมีการเลื่อนการพิจารณาคดี และกำหนดวันนัดพิจารณาใหม่ต้องถือว่าทนายโจทก์ได้ร่วมกำหนดวันนัดพิจารณาครั้งต่อไปด้วย และโดยปกติก็ต้องนัดพิจารณาในวันว่างของทนายโจทก์ด้วย หากเกิดเหตุผิดพลาดทำให้ไปนัดซ้อนวันกันกับศาลอื่นก็ชอบที่ทนายโจทก์จะต้องรีบร้องขอเลื่อนคดีเสียแต่เนิ่น ๆ การที่ทนายโจทก์เพิ่งให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้นในวันนัดพิจารณานัดหลัง ซึ่งมีระยะเวลาห่างจากวันพิจารณานัดก่อนถึง 48 วัน กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณา คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share