คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4901/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156/1 วรรคท้าย ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ไว้แล้วคดีย่อมอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยังไม่เป็นการแน่นอนว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลอย่างไร โจทก์จึงไม่จำต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด อย่างไรก็ดีแม้ว่าในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์เรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษายืน แต่กำหนดระยะเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระ ได้ล่วงพ้นไปแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ได้กำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระซึ่งจะทำให้โจทก์สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามสัญญาจ้างทำของ และค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 3,149,245.54 บาท ซึ่งจะเสียค่าขึ้นศาล 62,984 บาท และโจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลจำนวนดังกล่าว ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลจำนวนดังกล่าวมาชำระภายใน 15 วัน หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป แต่โจทก์ไม่นำค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า โจทก์ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156/1 วรรคท้าย เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้ว โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องนำเงินมาวางศาลตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ทั้งไม่ต้องขอขยายเวลาแต่อย่างใด การดำเนินกระบวนพิจารณาหลังจากนั้นเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่จะมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดี และต้องกำหนดระยะเวลาให้โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156/1 วรรคท้าย ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ไว้แล้วคดีย่อมอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 และยังไม่เป็นการแน่นอนว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะมีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลอย่างไร โจทก์จึงไม่จำต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลตามเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น อย่างไรก็ดีแม้ว่าในส่วนที่โจทก์อุทธรณ์เรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะพิพากษายืน แต่กำหนดระยะเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระ ได้ล่วงพ้นไปแล้ว โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ได้กำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระซึ่งจะทำให้โจทก์สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาไปได้ตามกฎหมาย
พิพากษากลับ หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้นมาชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ฟังคำพิพากษานี้ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share