คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดซึ่งลูกจ้างของจำเลยที่ 1 กระทำไปในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากการละเมิดดังกล่าวโดยไม่จำกัดจำนวนร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ ๑ ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ ไปตามถนนพหลโยธินด้วยความประมาททำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าและหมายเลขดวงโคม อันเป็นทรัพย์สินของโจทก์ซึ่งติดตั้งบนไหล่ถนน เสาหัก โคมไฟแตกเสียหายใช้การไม่ได้ คิดเป็นเงิน ๕,๒๖๔ บาท ๕๐ สตางค์ จำเลยที่ ๑ ในฐานะนายจ้างและจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดมีหน้าที่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๓ ด้วย ขอศาลบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๕,๒๖๔ บาท ๕๐ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า เสาไฟฟ้าและดวงโคมที่เสียหายไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ๓ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย เหตุที่เกิดไม่ใช่ความประมาทของจำเลยที่ ๓ แต่เป็นเหตุสุดวิสัย ค่าเสียหายไม่เกิน ๒,๖๕๐ บาท โจทก์สมยอมจ่ายค่าซ่อมมากเกินสมควร โจทก์รู้ตัวจำเลยทั้งสามนับแต่วันละเมิด คดีขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ ๓ ไม่ยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลสั่งว่า จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน ๑๕ วัน ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ ๓ ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ ๓ ได้กระทำไป พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๕,๒๖๔ บาท ๕๐ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาในปัญหากฎหมายว่า จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ ๑ และเป็นผู้จัดการ จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ ๑ รับผิดในคดีนี้ เป็นส่วนตัวโดยไม่จำกัดจำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบ ฉะนั้น จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดในหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่จำกัด จำนวนร่วมกับจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๗ (๒) ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๙๐/๒๕๒๐ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๕,๒๖๔ บาท ๕๐ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์

Share