แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ. มารดาโจทก์ได้ยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่จำเลย โดยโจทก์และบุตรอื่นของ บ. รู้เห็นยินยอมด้วย แม้การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคหนึ่งทำให้การได้มาซึ่งที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ก็ตาม แต่หาเป็นโมฆะเสียเปล่าไม่ การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ยังคงใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา รวมทั้งทายาทหรือผู้สืบสิทธิของคู่สัญญาในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ ดังนี้ โจทก์ซึ่งรู้เห็นยินยอมด้วยในการยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ให้แก่จำเลยและเป็นผู้สืบสิทธิมาจาก บ. จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์กับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและปรับที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินแปลงพิพาทเดิมเป็นที่ดินแปลงใหญ่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายพินิจ ผิวศิริ บิดาโจทก์ เมื่อนายพินิจถึงแก่ความตาย นางบุญมา ผิวศิริ มารดาโจทก์และทายาทยินยอมสละที่ดินบางส่วน เนื้อที่ประมาณ 22 ตารางวา ให้จำเลยเพื่อตีใช้หนี้เงินยืม ต่อมานางบุญมาได้นำที่ดินมรดกทั้งหมดแบ่งปันให้แก่ทายาทจึงเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนที่ตนสละแล้ว โจทก์ผู้รับโอนที่ดินพิพาทย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์รับให้ที่ดินมาทางมรดก โจทก์จึงไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้ได้กรรมสิทธิ์มาโดยเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 16057 ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้วทำให้ที่ดินกลับอยู่สภาพเดิม ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องที่ดินของโจทก์อีกต่อไป คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่าคดีมีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายพินิจ ผิวศิริ เป็นสามีนางบุญมา ผิวศิริ มีบุตรด้วยกัน 7 คน รวมทั้งโจทก์ด้วย ต่อมานายพินิจได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11384 วันที่ 22 กันยายน 2532 นายพินิจถึงแก่ความตายศาลมีคำสั่งตั้งนางบุญมาเป็นผู้จัดการมรดก นางบุญมาจึงแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 11384 ออกเป็นแปลงย่อยรวม 6 แปลง ยกให้แก่บุตร โจทก์ได้ที่ดินโฉนดเลขที่ 16057 เป็นกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538 ซึ่งรวมถึงที่ดินพิพาทในคดีนี้ด้วย นางบุญมาได้ยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่จำเลย และขณะที่นางบุญมายกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยนั้น น่าเชื่อว่าโจทก์และบุตรอื่นของนางบุญมาได้รู้เห็นยินยอมในการยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้รายนี้ให้แก่จำเลยด้วย ดังนั้น แม้การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้ให้แก่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคหนึ่ง ทำให้การได้มาซึ่งที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ก็ตาม แต่หาเป็นโมฆะเสียเปล่าไม่ การยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ยังคงใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญารวมทั้งทายาทหรือผู้สืบสิทธิของคู่สัญญาในฐานะเป็นบุคคลสิทธิ ด้วยเหตุนี้โจทก์ซึ่งรู้เห็นยินยอมด้วยในการยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้ให้แก่จำเลยและเป็นผู้สืบสิทธิมาจากนางบุญมา จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง