คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองนำโฉนดที่ดินไปจำนองไว้แก่ธนาคารเพื่อเป็นประกันหนี้ของ ฐ. โดยจำเลยและจำเลยร่วมทำหนังสือสัญญาค้ำประกันการจำนองไว้ต่อโจทก์ทั้งสองมีข้อความสำคัญว่า จำเลยและจำเลยร่วมยอมร่วมรับผิดชอบเป็นลูกหนี้ร่วมกับ ฐ.หากฐ.ผิดสัญญาไม่ไถ่ถอนจำนองให้โจทก์ทั้งสอง จำเลยและจำเลยร่วมยอมรับผิดชอบไถ่ถอนให้ และยินดีชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการจำนองให้โจทก์ทั้งสอง เช่นนี้ โจทก์ทั้งสองมีฐานะเป็นลูกหนี้ของธนาคารหาใช่เจ้าหนี้ของ ฐ. สัญญาที่จำเลยและจำเลยร่วมทำกับโจทก์จึงไม่ใช่สัญญาค้ำประกันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680แต่เป็นสัญญาอย่างหนึ่งที่บังคับระหว่างคู่กรณีกันได้ตามกฎหมายเมื่อฐ. ไม่ชำระหนี้แก่ธนาคาร โจทก์ทั้งสองจึงนำเงินชำระหนี้แทนฐ.และไถ่ถอนจำนองแล้ว ซึ่งทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยและจำเลยร่วมต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองตามสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,204,414 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 1,140,274 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกนายเลื่อม โพธิ์ศิริเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(3) ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและจำเลยร่วมใช้เงินจำนวน1,140,274 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ทั้งสองนำที่ดินของโจทก์ทั้งสองจำนองเป็นประกันหนี้บริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด ไว้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัด โดยจำเลยและจำเลยร่วมทำหนังสือสัญญาค้ำประกันการจำนองเพื่อค้ำประกันเอกสารหมาย จ.3 ไว้ต่อโจทก์ทั้งสอง ต่อมาบริษัทฐาปนวิทย์จำกัดไม่ชำระหนี้ให้ธนาคารทหารไทย จำกัด โจทก์ทั้งสองจึงนำเงินจำนวน 2,280,548 บาทชำระให้ธนาคารทหารไทย จำกัด เพื่อไถ่ถอนจำนองแล้วเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2529 ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อแรกมีว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเอกสารหมาย จ.3 เพราะเป็นสัญญาค้ำประกันและโจทก์ทั้งสองได้ผ่อนเวลาให้บริษัทฐาปนวิทย์จำกัด แล้วนั้น เห็นว่า กรณีจะเป็นสัญญาค้ำประกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 นั้น ต้องเป็นสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ค้ำประกันผูกพันต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ คดีนี้จำเลยและจำเลยร่วมทำสัญญาเอกสารหมาย จ.3 ให้โจทก์ทั้งสองไว้ซึ่งมีข้อความสำคัญว่าตามที่โจทก์ทั้งสองนำโฉนดที่ดินไปจำนองไว้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัดเพื่อค้ำประกันหนี้ของบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด มีกำหนดเวลา 1 ปีโดยจำเลยและจำเลยร่วมยอมรับผิดชอบเป็นลูกหนี้ร่วมกับบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด หากบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด ผิดสัญญาไม่ไถ่ถอนจำนองให้โจทก์ทั้งสอง จำเลยและจำเลยร่วมยอมรับผิดชอบยินดีไถ่ถอนให้ และยินดีชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการจำนองให้โจทก์ทั้งสองเช่นนี้ โจทก์ทั้งสองเป็นเพียงผู้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด ลูกหนี้ของธนาคารทหารไทย จำกัดเจ้าหนี้ โจทก์ทั้งสองจึงมีฐานะเป็นลูกหนี้ของธนาคารทหารไทย จำกัดหาใช่เจ้าหนี้ของบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัดไม่ ดังนั้นสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 ที่จำเลยและจำเลยร่วมทำกับโจทก์ทั้งสองจึงไม่เป็นสัญญาค้ำประกันตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแต่เป็นสัญญาอย่างหนึ่งที่คู่กรณีอาจทำผูกพันและใช้บังคับระหว่างกันได้ตามกฎหมาย และเมื่อบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด ไม่ชำระหนี้แก่ธนาคารทหารไทย จำกัดโจทก์ทั้งสองจึงนำเงินชำระหนี้แทนบริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด และไถ่ถอนจำนองแล้วถือได้ว่า บริษัทฐาปนวิทย์ จำกัด ไม่ไถ่ถอนที่ดินที่จำนองให้โจทก์ทั้งสองตามที่จำเลยและจำเลยร่วมได้ให้สัญญาไว้ต่อโจทก์ทั้งสอง ซึ่งทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายจำเลยและจำเลยร่วมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองตามสัญญาเอกสารหมาย จ.3ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share