แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาขณะที่บิดาตายมีสิทธิเป็นทายาทได้ ถ้าหากภายหลังได้เกิดมารอดอยู่ และโดยมีพฤติการณ์ที่บิดารับรองทายกในครรภ์ว่าเป็นบุตรของตน
อายุความฟ้องเรียกมรดกหนึ่งปีตามมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น จำแนกไว้สองประการ คือ นับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก อีกประการหนึ่ง ฉะนั้น การที่เด็กผู้เป็นทายาทเกิดภายหลังที่บิดาตายแล้วอายุความฟ้องเรียกมรดกจึงเริ่มนับตั้งแต่เด็กนั้นคลอดเป็นต้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เด็กชายอนันต์ จันทวงศ์ เป็นบุตรนางพุดทองและเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายพิน จันทวงศ์ โดยคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว นายพินได้ถึงแก่กรรมขณะเด็กชายอนันต์ยังเป็นทารกในครรภ์ และได้สภาพบุคคลต่อมา ขณะเด็กชายอนันต์อยู่ในครรภ์ จำเลยในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของนางสาวริ ทายาทของนายพินอีกคนหนึ่งไม่ยอมแบ่งมรดกให้ จึงขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกนายพินให้เด็กชายอนันต์กึ่งหนึ่ง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ตอนแรกศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน วินิจฉัยว่านายพินตายก่อนเด็กชายอนันต์เกิด ไม่เคยเป็นบุตรและบิดากันเลย ไม่มีทางที่บิดาจะรับรองได้ พิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายกให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่านายพินได้ปฏิบัติต่อนางพุดทองและเด็กชายอนันต์ระหว่างอยู่ในครรภ์อย่างที่ปฏิบัติมารดาเด็กและบุตรทั้งหลายอื่นว่าเป็นบุตรของตนแล้ว พิพากษาให้แบ่งมรดกนายพินให้เด็กชายอนันต์กึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายพินผู้ตายได้ปฏิบัติต่อนางพุดทองในระหว่างตั้งครรภ์เด็กชายอนันต์ อย่างสามีพึงปฏิบัติต่อภรรยาและบุตรในครรภ์อันเป็นบุตรของตนเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นได้ชัดในคดีนี้ว่า นายพินได้รับรองเด็กชายอนันต์เป็นบุตรของตนตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว และเป็นทายาทของนายพินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๗ และ ๑๖๐๔
ส่วนข้อที่จำเลยคัดค้านว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ปรากฏว่านายพินตายเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ เด็กชายอนันต์คลอดจากครรภ์มารดาเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๔๙๙ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๐๐ ถ้าคำนวณจากวันนายพินตายก็เป็นเวลาเกิน ๑ ปี แต่ถ้าคำนวณจากวันเด็กชายอนันต์คลอดจากครรภ์มารดาก็ยังไม่ถึง ๑ ปีนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายหรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก ดังนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าอายุความฟ้องเรียกมรดกได้จำแนกไว้เป็นสองประการ กล่าวคือ นับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกอีกประการหนึ่ง ซึ่งมีความหมายว่า ถ้ารู้ว่าได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกก็ให้นับอายุความตั้งแต่วันรู้ถึงความตายของเจ้ามรดก ในคดีนี้จึงต้องเริ่มนับอายุความเมื่อเด็กชายอนันต์คลอด เพราะก่อนคลอดเด็กชายอนันต์ไม่อยู่ในฐานะได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกได้ คดีโจทก์ยังหาขาดอายุความไม่ ฎีกาจำเลยฟ้องไม่ขึ้น
พิพากษายืน