แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลได้นัดชี้สองสถานครั้งแรกและได้เลื่อนให้คู่ความไปทำความตกลงกันคู่ความจึงได้ทำความตกลงกันโดยบันทึกข้อตกลงกันไว้เป็นหนังสือต่อมาเมื่อศาลนัดชี้สองสถานนัดสุดท้ายคู่ความท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียวว่า’โจทก์ส่งของให้จำเลยถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่ และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าวเพียงแต่ผิดนัมเบอร์ของอย่างเดียวจริงหรือไม่’ โดยไม่ได้แถลงให้ศาลทราบถึงข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้นดังนี้ จะถือเอาข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้นมาลบล้างข้อตกลงในศาลหาได้ไม่ และคู่ความได้แถลงสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่นๆ(หากมี)เสียสิ้นการที่จำเลยส่งและอ้างหนังสือนั้นเป็นพยาน ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยในประเด็นที่ท้ากันไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน คดีคงมีข้อแพ้ชนะเพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายทิม โชตนา กรรมการจัดการโรงภาพยนต์ศรีนครพิงค์ได้ทำสัญญาซื้อเครื่องฉายภาพยนต์พร้อมทั้งชุดจากโจทก์ต่อมานายทิมได้โอนหุ้นให้จำเลยแต่ผู้เดียว โจทก์ได้ทำการติดตั้งเสร็จแล้ว จำเลยยังค้างชำระราคาอยู่ 34,959 บาท 30 สตางค์ และค่าสินไหมอีก 4,000 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ยังติดตั้งเครื่องฉายภาพยนต์ยังมิเรียบร้อย และโจทก์ส่งของไม่ตรงตามตัวอย่าง จำเลยจึงหน่วงราคาที่ค้างชำระไว้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 488
วันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้มีการสืบพยานเพียงประเด็นเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ ข้อสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียทั้งสิ้น คงสืบพยานเฉพาะประเด็นข้อที่ว่า”โจทก์ส่งของให้จำเลยไม่ถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าวเพียงแต่ผิดนัมเบอร์สิ่งของอย่างเดียวเท่านั้นจริงหรือไม่”
ศาลชั้นต้นสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วฟังว่าโจทก์ส่งผิดรายการพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลได้ชี้สองสถานนัดแรกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2500 และเลื่อนคดีเพื่อให้คู่ความไปทำความตกลงกันดังที่ต้องการ คู่ความได้ทำเอกสารหมาย ล.1 และ ล.2 ไว้ ครั้นต่อมาเมื่อศาลชี้สองสถานนัดสุดท้าย คือ เมื่อวันที่ 23กรกฎาคม 2500 คู่ความตกลงท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียว โดยทั้งสองฝ่ายหาได้แถลงให้ศาลทราบหรือพูดถึงเอกสารหมาย ล.1 ล.2 หรือการที่โจทก์จำเลยได้ไปตกลงกันแต่ประการใดไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อได้ทำเอกสารหมายล.1 ล.2 แล้ว จึงมาทำข้อตกลงในศาล ไม่มีทางที่จะเห็นว่าเอกสารหมาย ล.1 ล.2 ที่ทำมาก่อนนั้น จะมาลบล้างข้อตกลงในศาลซึ่งทำภายหลังได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นในการตกลงกันต่อหน้าศาล ทั้งสองฝ่ายก็แถลงสละข้อเรียกร้องข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียสิ้นหมายความว่า จะไม่เอามาคำนึงในคดีนี้ สำหรับคดีนี้คงให้มีข้อแพ้ชนะกันแต่เพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากันเท่านั้น อีกประการหนึ่งการที่จำเลยส่งและอ้างเอกสารหมาย ล.1 ล.2 ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของำจเลยในประเด็นที่ท้ากัน ไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน สิทธิและหน้าที่ของโจทก์จำเลยจะมีต่อกันประการใดนอกเหนือจากคดีนี้ เป็นเรื่องของโจทก์จำเลยจะพิจารณากันเอง ไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องคำนึงถึงในที่นี้
พิพากษายืน