แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 90 บัญญัติไว้ความว่า คู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสารเป็นพยานหลักฐาน ให้ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้นกฎหมายประสงค์ให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กันคำว่า “ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ”จึงมีความหมายว่า ส่งสำเนาเอกสารให้ถึงคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหากจะถือเอาวันที่ส่งสำเนาเอกสารเป็นสำคัญแล้วก็ย่อมเปิดช่องให้มีการเอาเปรียบแก่กันได้ เป็นการไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์แห่งบทบัญญัติของกฎหมาย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องวีดีโอ จากโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อติดกันเกินกว่า 2 คราว โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งคืนเครื่องวีดีโอแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ถ้าไม่สามารถคืนได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคา17,875 บาท
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ก่อนจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาตและจำหน่ายคดีจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญาซื้อขายผ่อนส่ง กรรมสิทธิ์ในทรัพย์โอนไปยังจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อตั้งแต่วันทำสัญญาแล้ว จำเลยไม่เคยได้รับคำบอกเลิกสัญญาจากโจทก์ราคาทรัพย์ที่โจทก์ระบุไว้ในสัญญาสูงเกินกว่าราคาที่แท้จริงขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างสืบพยานโจทก์ คู่ความรับกันว่า โจทก์ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.2 ให้แก่จำเลยที่ 2 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 20เมษายน 2532 จำเลยที่ 2 ได้รับเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2532 และคดีนี้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์วันที่ 25 เมษายน 2532 คู่ความตกลงท้ากันเกี่ยวกับการส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวว่า หากศาลฟังว่าโจทก์ส่งสำเนาเอกสารก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน จำเลยที่ 2 ยอมแพ้คดีและคืนเครื่องวีดีโอที่เช่าซื้อแก่โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้จะใช้ราคาแทน10,675 บาท แต่หากศาลฟังว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน โจทก์ยอมแพ้คดี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.2ให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้ส่งสำเนาเอกสารหมาย จ.2 ให้แก่จำเลยที่ 2 ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว เพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าคู่ความอีกฝ่ายจะต้องได้รับสำเนาเอกสารนั้น ๆ ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 บัญญัติไว้ความว่าคู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสาร..เป็นพยานหลักฐาน…ให้ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ฯลฯ นั้นเป็นความประสงค์ของกฎหมายที่ต้องการจะให้ฝ่ายที่อ้างเอกสารเป็นพยานส่งสำเนาให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันเพื่อให้ฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารมายันได้มีโอกาสตรวจสอบเอกสารก่อน จะได้ซักค้านพยานได้ถูกต้องไม่เสียเปรียบแก่กัน ดังนั้น คำว่า “ส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งสำเนาเอกสารนั้น ๆ” จึงมีความหมายว่าส่งสำเนาเอกสารให้ถึงคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหากจะถือเอาวันที่ส่งสำเนาเอกสารเป็นสำคัญแล้วก็ย่อมเปิดช่องให้มีการเอาเปรียบแก่กันได้ดังจะเห็นได้ในคดีนี้ว่า โจทก์ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยที่ 2 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 20 เมษายน2532 แต่จำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาเอกสารเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2532ก่อนวันสืบพยานโจทก์เพียงหนึ่งวัน จึงมีเวลาที่จะตรวจสอบได้ไม่ถึงสามวันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เป็นการไม่ชอบด้วยเจตนารมณ์แห่งบทบัญญัติของกฎหมาย ถือว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 โจทก์จึงต้องแพ้คดีตามคำท้า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.