คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2470

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

ในคดีเรื่องนี้โจทก์ ๒ คนต่างฟ้องจำเลยเปน ๒ สำนวน ในสำนวนหนึ่งศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินต้องกันว่านายสิลาจำเลยมีผิดตามมาตรา ๓๐๔ ให้ลงโทษ ๑ ปี เพราะฉะนั้นในสำนวนนี้นายสิลา จำเลยฎีกาไม่ได้ ต้องบทห้ามตามพระราชบัญญัติฎีกาอุทธรณ์มาตรา ๓ ในอีกสำนวนหนึ่งนั้น ศาลล่างตัดสินปล่อยนายเชียงพิศแลนายสิลาจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์กลับลงโทษนายเชียงพิศนายสิลาตามมาตรา ๖๓ – ๗๐ – ๒๖๘ – ๒๗๐ – ๒๙๙
จำเลยฎีกา ทางพิจารณาได้ความว่านายพิมพ์ได้มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณกับโคให้นายสมเลี้ยง แลสั่งว่าถ้ามีใครซื้อให้ขาย ต่อมานายสิลาจำเลยกับชายคนหนึ่งสมคบกันอุบายว่าจะซื้อโค จึงขอดูตั๋วพิมพ์รูปพรรณแล้วบอกว่าเปนโคของเขาที่หาย แลไปตามผู้ใหญ่บ้านมาไต่สวนชายผู้นั้นจึงพูดขึ้นว่าถ้าจะไม่ให้ส่งตัวไปยังอำเภอก็ให้เสียเงิน ๒๐๐ บาท นายเชียงพิศจำเลยก็ช่วยพูดเช่นนั้นด้วย นายสมมีความกลัวจึงยอมเสียเงินให้ ในวันนั้นเองเวลาเย็นนายสมมอบเงินให้แก่นายเชียงพิศกับชายนั้นไป ๕๘ บาท ๕๐ สตางค์เท่าที่หาได้ฎีกาตัดสินว่า จำเลยทั้ง ๒ สมคบกันมีเจตนาทุจริต ใช้อุบายหลอกลวงเอาเงินแก่นายสม โดยเอาเท็จมากล่าวคือ ทำอุบายมาซื้อโค แล้วกลับอ้างว่าโคนั้นเปนของจำเลยที่คนร้อยลักมา แลทำอุบายเพิ่มให้สนิทขึ้นว่า ถ้าไม่ให้เงินจะนำส่งอำเภอ ทำให้นายสมหลงเชื่อดังนี้จำเลยมีผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา ๓๐๔ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี

Share