คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4879/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความรับผิดในทางแพ่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาอันเนื่องมาจากการทุจริตของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชานั้นหาใช่เพราะเหตุของการเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ หากแต่จะต้องเป็นไปตามหลักเรื่องละเมิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 1,508,966.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 1,508,966.57 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ให้หักเงินที่นายสนั่น ตื่มสูงเนินนายแสงอรุณ ดีมาก นายชัยณรงค์ พิมพ์สวรรค์ และนายสมชายโพธิ์ปฐม ได้ชำระแก่โจทก์แล้วออกจากยอดเงินที่จำเลยที่ 1ต้องรับผิด ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้เถียงกันว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 2 ประจำสำนักงานที่ดินอำเภอสีคิ้ว จำเลยที่ 2เป็นนายอำเภอสีคิ้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2526 ถึง พ.ศ. 2530ระหว่างวันที่ 9 ตุลาคม 2527 ถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2529 จำเลยที่ 1ยักยอกเงินรายได้แผ่นดินและเงินที่ต้องนำส่งสรรพากรอำเภอสีคิ้วรวมทั้งสิ้น 1,566,986.57 บาท นายสนั่น ตื่มสูงเนิน นายแสงอรุณดีมาก เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสีคิ้ว นายสมชายโพธิ์ปฐม และนายชัยณรงค์ พิมพ์สวรรค์ รักษาการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสีคิ้ว ผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ตามเอกสารหมาย ล.1ถึง ล.4 มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 2จะต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบการเงินตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังในหน้าที่ของอำเภอและกิ่งอำเภอพ.ศ. 2520 ข้อ 83 แล้ว จำเลยที่ 2 ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ประมาทเลินเล่อ และคดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารใบนำส่งเงินรายได้แผ่นดิน เอกสารแบบนำส่งภาษีอากรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ เอกสารใบนำส่งเงินนอกงบประมาณของสำนักงานที่ดินอำเภอสีคิ้ว โดยปลอมลายมือชื่อผู้รับเงิน ชื่อคลังจังหวัด ปลอมตราประทับของคลังจังหวัดแก้ไขตัวเลขในใบเสร็จรับเงินของสรรพากรอำเภอสีคิ้วให้มีจำนวนสูงขึ้นเป็นเงินทั้งสิ้น 1,566,986.57 บาท ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกระทำการทุจริตกับจำเลยที่ 1 แต่อย่างใดส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1จึงต้องร่วมรับผิดด้วยนั้น เห็นว่า แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่งอันเนื่องมาจากการทุจริตของผู้ใต้บังคับบัญชานั้นหาใช่เพราะเหตุของการเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเรื่องละเมิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 เมื่อจำเลยที่ 2มิได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share