คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4870/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

รถยนต์บรรทุกของกลางบรรทุกดิน มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวม 29,300 กิโลกรัม เกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้ถึง 8,300 กิโลกรัมนับได้ว่ามีน้ำหนักเกินอัตราจำนวนมาก เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงจังหวัดอันเป็นทางสัญจรไปมาของประชาชน ทั้งมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติ จึงเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกซึ่งกฎหมายกำหนดให้น้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกหนักได้ไม่เกิน 21,000 กิโลกรัม บรรทุกดินเกินกำหนดดังกล่าว 8,300 กิโลกรัม อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 56,83ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ข้อ 56, 83 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน และปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี บังคับค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ของกลางไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า รถยนต์บรรทุกของกลางบรรทุกดินมีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวม 29,300 กิโลกรัม เกินกว่าอัตราที่กำหนดไว้ถึง 8,300 กิโลกรัม นับได้ว่ามีน้ำหนักเกินอัตราจำนวนมาก เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงจังหวัด อันเป็นทางสัญจรไปมาของประชาชนทั้งมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติ และรถยนต์บรรทุกดังกล่าวบรรทุกเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นจำนวนมากจึงเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบ…”
พิพากษายืน.

Share