แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้รับการยกให้ที่ดินจากมารดาก่อนสมรสกับผู้ร้อง ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๑(๑) ผู้ร้องปลูกบ้านลงใน ที่ดินดังกล่าวโดยได้รับอนุญาตจากจำเลยซึ่งเป็นสามี แสดงว่า ผู้ร้องอาศัยสิทธิของจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมพาบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ แต่ไม่มีการรื้อถอนภายในกำหนดโจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านซึ่งเป็น สิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ ผู้ร้องปลูกสร้าง บ้านดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยซึ่งเป็นสามีผู้ร้อง จำเลยไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อศาล เพราะ บ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดี
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๕๙๙ เดิมเป็นโฉนดที่ดิน เลขที่ ๒๔๖๐ จำเลยได้รับการยกให้มาจากมารดาก่อนสมรสกับ ผู้ร้อง จึงเป็นสินส่วนตัวของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๑(๑) ผู้ร้องปลูกบ้านเลขที่ ๘ ลงในที่ดินดังกล่าว โดยได้รับอนุญาตจากจำเลยซึ่งเป็นสามี แสดงว่าผู้ร้องอาศัย สิทธิของจำเลย ผู้ร้องจึงเป็นบริวารของจำเลย เมื่อโจทก์ฟ้อง ขับไล่จำเลย ผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยจะต้องออกจากที่ดิน โฉนดเลขที่ ๒๖๕๙๙ ของโจทก์ด้วย
พิพากษายืน