คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4846/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเรียกและรับเงินไปจาก ฉ.เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาโดยวิธีอันทุจริตให้กระทำการในหน้าที่พิพากษาคดีอันเป็นคุณแก่ ฉ.ให้ฉ.ชนะคดีในชั้นศาลฎีกานั้นครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว จำเลยจะได้ไปจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้กระทำการในหน้าที่ให้เป็นคุณแก่ฉ.หรือไม่ หาใช่องค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 ไม่ ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปก่อนที่จำเลยจะได้เรียกและรับเงินจากฉ.จำเลยย่อมไม่สามารถจะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นคุณแก่ ฉ.ได้ทันก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเพราะขาดองค์ประกอบความผิดไปแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันอ้างต่อนายเฉลิมศักดิ์ว่าจำเลยทั้งสองรู้จักผู้พิพากษาศาลฎีกา และสามารถติดต่อกับผู้พิพากษาศาลฎีกาให้พิจารณาพิพากษาคดีให้ฝ่ายของนายเฉลิมศักดิ์ชนะคดีได้ แล้วจำเลยทั้งสองได้เรียกเอาเงินจากนายเฉลิมศักดิ์โดยอ้างว่าจะนำเอาไปให้แก่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเพื่อกระทำการในหน้าที่ให้เป็นคุณแก่นายเฉลิมศักดิ์ จนนายเฉลิมศักดิ์ยอมจ่ายเงินให้จำเลยทั้งสองไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 143
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ให้จำคุก 4 ปี ส่วนจำเลยที่ 2ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาผู้ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ขณะจำเลยที่ 1เรียกและรับเงินจากนายเฉลิมศักดิ์นั้น ศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปแล้ว วัตถุประสงค์ในการกระทำได้ผ่านพ้นไปแล้วจึงขาดองค์ประกอบของความผิดนั้น เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1เรียกและรับเงินจำนวน 1,000,000 บาท ไปจากนายเฉลิมศักดิ์เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาโดยวิธีอันทุจริต ให้กระทำการในหน้าที่โดยพิพากษาคดีให้เป็นคุณแก่นายเฉลิมศักดิ์ให้นายเฉลิมศักดิ์ชนะคดีในชั้นศาลฎีกานั้นครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 แล้ว จำเลยที่ 1 จะได้ไปจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้กระทำการในหน้าที่ให้เป็นคุณแก่นายเฉลิมศักดิ์หรือไม่ หาใช่องค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ไม่ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปก่อนที่จำเลยที่ 1 จะได้เรียกและรับเงินจากนายเฉลิมศักดิ์จำเลยที่ 1 ย่อมไม่สามารถจะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นคุณแก่นายเฉลิมศักดิ์ได้ทันก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยที่ 1ไม่เป็นความผิดเพราะขาดองค์ประกอบความผิดไปแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share