คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4834/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดจากการที่จำเลยยื่นฟ้องขับไล่โจทก์และบริวารพร้อมกับเรียกค่าเสียหาย โจทก์ยื่นคำให้การว่าที่ดินโจทก์อยู่นอกเขตที่ดินจำเลย มูลละเมิดเกิดจากการที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เท่านั้นการที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาภายหลังเป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นจากการยื่นฟ้องคดีอันเป็นมูลละเมิด มิใช่การกระทำละเมิดต่อเนื่องจนถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เมื่อโจทก์ยื่นคำให้การแก้คดีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 แสดงว่า โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนับแต่นั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2540 เกินกำหนด 1 ปี คดีโจทก์ จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2538 จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น ขอให้ขับไล่โจทก์และบริวารออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย โจทก์ให้การว่า ที่ดินของโจทก์อยู่นอกเขตโฉนดที่ดินของจำเลย ต่อมาศาลได้นัดพร้อมเพื่อฟังผลการทำแผนที่พิพาท ปรากฏว่าที่ดินของโจทก์อยู่นอกเขตโฉนดที่ดินของจำเลย ต่อมาวันที่ 30 มกราคม 2540 จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและศาลมีคำสั่งอนุญาต การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ที่ดินของจำเลยผู้บุกรุกจำนวนมาก จำเลยจึงมอบอำนาจให้ตัวแทนของจำเลยตรวจสอบและทราบว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย เมื่อทราบว่าที่ดินของโจทก์อยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย จำเลยก็ถอนฟ้องทันที โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายมากตามฟ้อง โจทก์ทราบเหตุแห่งการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดแล้ว แต่มิได้นำคดีมาฟ้องภายใน 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 29,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 30 เมษายน 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2538 จำเลยยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้น ขอให้บังคับโจทก์และบริวารออกจากที่ดินตามโฉนดของจำเลยและเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ โจทก์ทราบคำฟ้องแล้ว ยื่นคำให้การแก้คดีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 ว่า ที่ดินของโจทก์อยู่นอกเขตที่ดินจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ทำแผนที่พิพาท ปรากฏว่าที่ดินโจทก์อยู่นอกเขตโฉนดที่ดินจำเลย ต่อมาวันที่ 30 มกราคม 2540 จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและศาลมีคำสั่งอนุญาต พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดจากการที่จำเลยยื่นฟ้องขับไล่โจทก์และบริวารพร้อมกับเรียกค่าเสียหาย โจทก์ยื่นคำให้การว่าที่ดินโจทก์อยู่นอกเขตที่ดินจำเลย เป็นที่เห็นได้ว่ามูลละเมิดเกิดจากการที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เท่านั้น การที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาภายหลังเป็นเพียงผลที่เกิดขึ้นจากการยื่นฟ้องคดีอันเป็นมูลละเมิด มิใช่การกระทำละเมิดต่อเนื่องจนถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องดังที่โจทก์ฎีกา เมื่อได้ความว่าโจทก์ยื่นคำให้การแก้คดีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2539 แสดงว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนับแต่นั้น โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2540 เกินกำหนด 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share