คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

การเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมายบิดามารดาไม่จำต้องจดทะเบียนสมรสกันแต่ต้องถือตามความเป็นจริง ช.ผู้ตายเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ไม่มีผู้สืบสันดานและบิดามารดาก็ถึงแก่กรรมแล้วโจทก์เป็นทายาทลำดับ3ของช.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1629และเป็นผู้จัดการศพของช.จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพจากผู้ต้องรับผิดฐานกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ช.ตาย โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชายและพี่สาวของช.ร่วมบิดามารดาเดียวกันโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลยคือค่าปลงศพค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่1โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใดขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพช.ผู้ตายและในฐานะที่โจทก์ที่1เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้างฟ้องโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหาโดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าได้ใช้จ่ายอะไรไปบ้างเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นพี่ร่วมบิดามารดาเดียวกันนายเชาวลิต แซ่โง้วบิดามารดาถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ทั้งสองอุปการะเลี้ยงดูนายเชาวลิตและนายเชาวลิตอยู่ร่วมครอบครัวเดียวกับโจทก์ที่ 2 ตลอดมา นายบุญ หรือเปี๊ยก หรือจะแกลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 ซึ่งนายเชาวลิตเป็นผู้ขับและนางลาวัลย์ เจริญพิทยา นั่งซ้อนท้ายสวนทางมาชนรถจักรยานยนต์หักพังใช้ประโยชน์ไม่ได้ นายเชาวลิตและนางลาวัลย์ ถึงแก่ความตายโจทก์เสียค่าปลงศพนายเชาวลิต เป็นเงิน 70,000 บาท ค่ารถจักรยานยนต์ 30,000 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมทั้งค่าขาดไร้อุปการะเป็นเวลา 20 ปี รวมเป็นเงิน 700,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่ใช่พี่ร่วมบิดามารดาเดียวกับนายเชาวลิต โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีสิทธิและหน้าที่ใด ๆให้ฟ้องได้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิและหน้าที่ต่อนายเชาวลิตอย่างไร ใครเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงจำเลยทั้งสองต้องชำระค่าเสียหายให้ผู้ใดเป็นจำนวนเท่าใด ทั้งยังไม่แสดงหลักฐานรายการความเสียหายมาในฟ้อง ทำให้จำเลยไม่เข้าใจสภาพแห่งข้อหา นายบุญหรือเปี๊ยก หรือจะแก มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยทั้งสองและมิได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสอง เหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทของนายเชาวลิตหรือนายเชาวลิตมีส่วนประมาทร่วมด้วย โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปลงศพและค่าซ่อมแซมรถจักรยานยนต์รวมเป็นเงิน 78,113 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันกระทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์ครบถ้วน คำขออื่นให้ยก จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 1 ใช้เป็นเงิน68,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า บิดามารดาของโจทก์ทั้งสองและนาวเชาวลิตจะจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะทำให้ความเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาของโจทก์ทั้งสองและนายเชาวลิตเปลี่ยนแปลงไปเพราะกฎหมายมิได้กำหนดว่า การเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องให้บิดามารดาจดทะเบียนสมรสกันด้วยจึงต้องถือความเป็นพี่น้องกันตามความเป็นจริง ฉะนั้น เมื่อบิดามารดาถึงแก่กรรมและนายเชาวลิตไม่มีผู้สืบสันดาน โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทลำดับ 3 ของนายเชาวลิตผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 จึงเป็นผู้จัดการศพของนายเชาวลิตและมีอำนาจฟ้อง ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันได้แก่ค่าปลงศพเพราะเหตุที่ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนนายเชาวลิตถึงแก่ความตายได้ ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่ามีสิทธิฟ้องคดีอย่างไร และไม่มีหลักฐานใดแสดงมาในฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่เสียหายนั้น ก็ปรากฏตามฟ้องของโจทก์ทั้งสองแล้วว่าโจทก์ทั้งสองเป็นพี่ชาย และพี่สาวนายเชาวลิต แซ่โง้ว ร่วมบิดามารดาเดียวกัน และโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างของจำเลยทั้งสอง คือ ค่าปลงศพ ค่ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 1 โดยระบุค่าเสียหายแต่ละรายการมาด้วยว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายดังกล่าว เป็นการบรรยายว่าโจทก์ฟ้องในฐานะทายาทซึ่งเป็นผู้ปลงศพนายเชาวลิต ผู้ตาย และในฐานะที่โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันที่ได้รับความเสียหายจากผลแห่งละเมิดว่าต้องเสียหายอย่างไรบ้างฟ้องของโจทก์จึงชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างแห่งข้อหา โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายในรายละเอียดและแสดงหลักฐานมาในฟ้องว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ต้องนำสืบในชั้นพิจารณาอยู่แล้วฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม พิพากษายืน

Share