คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4821/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใส่ความนายวิชัย ปลูกพืชผู้เสียหาย โดยกล่าวหาต่อนายปราโมทย์ปลูกพืชและนางไหมมาดชายว่าผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของนายหาหมีดหรือหมีดโชคเกื้อไป เป็นคำฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำของจำเลย โดยจำเลยกล่าวต่อนายปราโมทย์ และ นางไหม ว่า ผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของนายหาหมีดหรือหมีดไป เป็นการกล่าวถ้อยคำพูดของจำเลยไว้บริบูรณ์แล้ว เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใส่ความนายวิชัย ปลูกพืช ผู้เสียหาย โดย กล่าวต่อนายปราโมทย์ ปลูกพืช ว่าผู้เสียหายลักปืนของนายหาหมีด หรือหมีดโชคเกื้อ ไป และจำเลยได้ใส่ความนายวิชัย ปลูกพืช ผู้เสียหายโดยกล่าวต่อนางไหม มาด ชาย ว่าผู้เสียหายเอาปืนของ นายหาหมีด หรือหมีด โชคเกื้อ ไปทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทำให้ ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง ขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 326
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เรียงกระทงลงโทษตามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 4 เดือน ปรับกระทงละ 800 บาท รวม 2 กระทง จำคุก 8 เดือน ปรับ1,600 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าถ้อยคำที่จำเลย พูดกับนายปราโมทย์และนางไหมนั้นมีข้อความอย่างไร เป็นฟ้องที่ ไม่ ชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษากลับ ให้ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158บัญญัติว่า ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือ และมี ฯลฯ (5) การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและ รายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้ จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
ในคดีหมิ่นประมาท ถ้อยคำพูด หนังสือ ภาพขีดเขียนหรือสิ่งอื่นอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาท ให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์หรือติดมาท้ายฟ้อง ฯลฯเมื่อพิเคราะห์คำฟ้องของโจทก์ ปรากฏในคำบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจใส่ความนายวิชัย ปลูกพืช ผู้เสียหาย โดยกล่าวต่อ นายปราโมทย์ โดยกล่าวต่อนายปราโมทย์ ปลูกพืช และนางไหม มาดชาย ว่าผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของนายหาหมีด หรือหมีด โชคเกื้อ ไปย่อมเห็นได้ว่าตามคำฟ้องโจทก์บรรยายถึงการกระทำของจำเลย โดยจำเลยกล่าว ต่อ นายปราโมทย์และนางไหมว่า ผู้เสียหายลักปืนหรือเอาปืนของ นายหาหมีด หรือ หมีด ไปเป็นการกล่าวถ้อยคำพูดของจำเลยไว้บริบูรณ์ แล้ว มิใช่ โจทก์ กล่าว สรุปคำพูดของจำเลยเอาเองให้มีความหมายว่า ผู้เสียหายลักหรือเอาปืนนายหาหมีด หรือหมีด ไป ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ อันเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ที่จำเลยว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ โดยอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 0208/2506 ระหว่างนายบุญกองทองเกรียว โจทก์ นายอุดร เสนาะ จำเลยนั้น คำบรรยายฟ้องไม่เหมือน คดี นี้เพราะคดีดังกล่าว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใส่ความโจทก์กับพวกอีก 2 คน ต่อหน้า บุคคลที่สามว่า โจทก์กับพวกอีก 2 คน เป็นคนร้ายลักปลาในบ่อของ จำเลยไปโดยมิได้บรรยายว่าจำเลยพูดต่อบุคคลอื่นว่าอย่างไรจึงเป็น การกล่าวสรุปความเอาเองของโจทก์ เมื่อฟ้องโจทก์คดีนี้สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นที่ศาลอุทธรณ์ยัง ไม่ได้ วินิจฉัยและควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ ฎีกาของ โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา พิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share