แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความรายเดียวกัน ทั้งในคดีก่อนศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยสัญญากู้ยืมเงินฉบับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ว่าเป็นฉบับที่ถูกต้องแท้จริง จึงได้พิพากษาให้จำเลย(โจทก์คดีนี้) ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับที่โจทก์ฟ้อง อันเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้ว การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าสัญญากู้ยืมเงินฉบับดังกล่าวเป็นสัญญากู้ยืมเงินปลอม จึงเป็นการฟ้องคดีที่ให้มีการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2533 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2541จำเลยได้กระทำการด้วยตนเอง จ้าง วาน หรือใช้ผู้อื่นปลอมเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน ด้วยวิธีการกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้ยืมเงินว่า โจทก์กู้ยืมเงินจำเลยไปจำนวน 60,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ใช้เอกสารปลอมโดยให้ผู้มีชื่อมีหนังสือทวงถามให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้แก่จำเลยตามสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยปลอมขึ้น โจทก์ไม่ยินยอม จำเลยจึงให้ทนายความฟ้องร้องดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 287/2542 ทั้งจำเลยอ้างตนเองเบิกความต่อศาลจนศาลเชื่อคำเบิกความของจำเลยและพิพากษาให้โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยเป็นเงิน 105,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 209,936.99 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้จำเลยเพิกถอนหรือทำลายสัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์กับจำเลย ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2533 ให้เพิกถอนคำพิพากษาและสิทธิการเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 287/2542 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมจำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยในข้อหากู้ยืมเงินและให้ชำระหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน จำเลย (โจทก์คดีนี้) ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 105,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 287/2542 ของศาลชั้นต้น
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 287/2542ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คู่ความในคดีนี้กับคดีก่อนเป็นคู่ความรายเดียวกันทั้งในคดีก่อนศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยสัญญากู้ยืมเงิน ฉบับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ว่าเป็นฉบับที่ถูกต้องแท้จริงจึงได้พิพากษาให้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินฉบับที่โจทก์ฟ้อง อันเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้ว ฉะนั้นการที่โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าสัญญากู้ยืมเงินฉบับดังกล่าวเป็นสัญญากู้ยืมเงินปลอม จึงเป็นการฟ้องคดีที่ให้มีการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัย โดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
พิพากษายืน