คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1812/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครอง ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านเรื่องดังกล่าว แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้คัดค้านได้สิทธิทางภารจำยอมในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการตั้งสิทธิของตนขึ้นมาใหม่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะเสนอมาในคดีเดียวกันไม่ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ที่ดินผู้อื่นโดยการครอบครองปรปักษ์ ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าของที่ดินเดิมได้เว้นที่ดินไว้เพื่อเป็นทางเดิน ผู้คัดค้านได้ใช้ทางนี้ติดต่อกันมาเกิน 10 ปี ทางนี้จึงตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์ของผู้คัดค้าน หากศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามคำร้อง ก็ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเฉพาะส่วนท้ายคำคัดค้านตกเป็นภารจำยอม ศาลชั้นต้นสั่งคำคัดค้านว่า ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์แต่ผู้คัดค้านอ้างว่าที่ดินตามคำร้องบางส่วนตกเป็นทางภารจำยอมและขอให้ศาลสั่ง เห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถพิจารณาเข้าด้วยกันได้ไม่เป็นคำร้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณาต่อไป ไม่รับคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้อื่นโดยการครอบครองผู้คัดค้านมิได้ร้องคัดค้านในเรื่องนี้ แต่ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้คัดค้านได้สิทธิทางภารจำยอมในที่ดินดังกล่าว จึงเป็นการตั้งสิทธิของตนขึ้นมาใหม่เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกัน จะเสนอมาในคดีนี้ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share