คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์อ้างว่าได้มาโดยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลในคดีหนึ่ง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทครึ่งหนึ่งตามคำพิพากษาฎีกาที่ได้พิพากษาในคดีที่โจทก์อ้าง และโจทก์ไม่สุจริตซื้อที่ดินพิพาททั้ง ๆ ที่ทราบว่าจำเลยครอบครองเป็นส่วนสัดมาเป็นเวลาร่วม 20 ปี จึงฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลย ดังนี้ เป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมโดยตรง เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างถึงความไม่สุจริตของโจทก์ในการซื้อที่ดินพิพาท อันจะทำให้โจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ. ม.1330 จึงชอบที่ศาลจะรับฟ้องแย้งไว้พิจารณาต่อไป

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าฟ้องแย้งขอเกี่ยวกับคำฟ้งเดิมชอบที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์อ้างว่าได้มาโดยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดลำพูนตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 7/2517 จำเลยให้การและฟ้องแย้งความว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทครึ่งหนึ่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ได้พิพากษาในคดีแพ่งของศาลจังหวัดลำพูนดังกล่าว และโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดทั้ง ๆ ที่ทราบว่าจำเลยครอบครองตั้งบ้านเรือนเป็นส่วนสัดอยู่ในที่ดินพิพาทางด้านทิศเหนือมาเป็นเวลาร่วม 20 ปี เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองจำเลยจึงฟ้องแย้งแล้วขอให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลย ดังนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าฟ้องแย้งของจำเลยมิใช่เป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม หากแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมโดยตรงและมิได้เกี่ยวพ้นถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีประการใด เพราะเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างถึงความไม่สุจริตของโจทก์ในการซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาด อันจะเป็นการทำให้โจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 จึงชอบที่ศาลจะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

พิพากษากลับ เป็นให้รับฟ้องแย้งของจำเลย และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้สำหรับศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษา”

Share