แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาเช่าในฐานะเป็นหุ้นส่วน แม้สัญญานั้นจะถึงกำหนดชำระเมื่อออกจากหุ้นส่วนแล้ว ก็ยังต้องรับผิด. ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดเป็นส่วนตัว ศาลบังคับให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นหุ้นส่วนได้ไม่นอกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นสามีจำเลยที่ ๒ เป็นภริยา ได้ทำสัญญาเช่าโรงเลื่อยจักร์จากโจทก์มีกำหนด ๓ ปีโดยเสียค่าเช่าปีละ ๑,๔๔๐ บาทและมีข้อตกลงว่าแม้จะเช่าไม่ครบ ๓ ปี ก็ต้องเสียค่าเช่าเต็ม ๓ ปี จำเลยได้ชำระค่าเช่าเพียงปีเดียวแล้วส่งคืนกับโจทก์ต้องเสียค่าภาษีโรงร้านแทนไป ๙๐ บาท และเครื่องอุปกรณ์ในโรงเลื่อยขาดและชำรุดไปเป็นราคา ๓๔๑ บาท จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาเช่าในฐานะเป็นหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนดำรงไทย แต่หนี้รายนี้ถึงกำหนดชำระเมื่อจำเลยออกจากหุ้นส่วนแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า หนี้รายนี้ไม่ใช่หนี้ร่วมจำเลยที่ ๒ ผู้ภริยามิใช่คู่สัญญาจึงไม่ต้องรับผิดด้วย ส่วนจำเลยที่ ๑ แม้จะได้ความว่าทำในนามห้างหุ้นส่วนก็ไม่สำคัญ จำต้องรับผิด จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้ดำเนินการพิจารณา
สำหรับจำเลยที่ ๑ ต่อไป ส่วนจำเลยที่ ๒ คงให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาเช่านี้ได้ทำกันก่อนจำเลยออกจากหุ้นส่วนสามัญฉะนั้นจำเลยที่ ๑ คงต้องรับผิดในหนี้รายนี้อยู่ แม้จะได้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้ว ส่วนหนี้รายนี้ถึงกำหนดชำระเมื่อใดไม่สำคัญ และการที่ศาลบังคับให้จำเลยต้องรับผิดในฐานะเป็นหุ้นส่วนนั้น ไม่นอกฟ้อง และการที่จำเลยต้องรับผิดเช่นนี้ก็มีโอกาสไล่เบี้ยเอาจากผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นได้ จึงพิพากษายืน