คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4801/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินอันเป็นลาภมิควรได้โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ขอออกน.ส.3ทับที่ดินของบุคคลภายนอกวันเดียวกับวันทำสัญญาขายให้แก่โจทก์เป็นการแสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่เริ่มแรกและโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเงินค่าซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตั้งแต่วันดังกล่าวเมื่อโจทก์ฟ้องคดีพ้น10ปีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา419

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย คืนเงิน จำนวน 6,560 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จให้ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ได้ ครอบครอง ที่ดินพิพาท โดย สงบ เปิดเผยด้วย เจตนา เป็น เจ้าของ จน ได้ กรรมสิทธิ์ แล้ว โจทก์ ทราบ ว่า น.ส. 3ของ จำเลย ออก ทับ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 2045 ตั้งแต่ วันที่ 10 กรกฎาคม 2533โจทก์ ฟ้องคดี วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2535 พ้น กำหนด 1 ปี นับแต่ เวลาที่ โจทก์ มีสิทธิ เรียกเงิน คืน และ นับแต่ จ่ายเงิน ค่า เวนคืน ก็ พ้น กำหนด10 ปี คดี โจทก์ ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ งดสืบพยาน โจทก์ และ จำเลย พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ เป็น คดี ที่ ฎีกา ได้ แต่ เฉพาะ ใน ปัญหาข้อกฎหมาย การ วินิจฉัย ปัญหา เช่นว่า นี้ ศาลฎีกา จำต้อง ถือ ตามข้อเท็จจริง ที่ ศาลอุทธรณ์ ได้ วินิจฉัย จาก พยานหลักฐาน ใน สำนวนซึ่ง ข้อเท็จจริง ฟังได้ เป็น ยุติ ตาม ที่ ศาลอุทธรณ์ ได้ วินิจฉัย ว่าเมื่อ วันที่ 15 มกราคม 2525 จำเลย ได้ ขาย ที่ดิน ตาม น.ส. 3 เลขที่ 7ตำบล ปึกเตียน (หนองจอก) อำเภอท่ายาง จังหวัด เพชรบุรี เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 56 ตารางวา ให้ แก่ โจทก์ ใน ราคา 6,560 บาท โจทก์ ได้ ชำระเงิน ให้ แก่ จำเลย ใน วัน ทำ สัญญา วันที่ 29 พฤศจิกายน 2532 เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัด เพชรบุรี ตรวจสอบ หลักฐาน แล้ว พบ ว่า ที่ดิน ตาม น.ส. 3ของ จำเลย ออก ทับ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 2045 ของ นาย ไกรฤกษ์ ตียวัฒนฤกษ์
เจ้าพนักงาน ที่ดิน จังหวัด เพชรบุรี ได้ มี หนังสือ แจ้ง ให้กรมชลประทาน ทราบ เมื่อ วันที่ 10 กรกฎาคม 2533 โจทก์ จึง ฟ้อง เรียกเงิน คืน จาก จำเลย เมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2535 ปัญหาข้อกฎหมายที่ ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา โจทก์ มี ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความ หรือไม่อายุความ ฟ้องร้อง ใน เรื่อง ลาภมิควรได้ นี้ ได้ มี บัญญัติ ไว้ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419 ว่า “ใน เรื่อง ลาภมิควรได้ นั้นท่าน ห้าม มิให้ ฟ้องคดี เมื่อ พ้น กำหนด หนึ่ง ปี นับแต่ เวลา ที่ ฝ่ายผู้เสียหาย รู้ ว่า ตน มีสิทธิ เรียกคืน หรือ เมื่อ พ้น สิบ ปี นับแต่ เวลาที่ สิทธิ นั้น ได้ มี ขึ้น ” ตาม บทบัญญัติ มาตรา 419 ดังกล่าว นี้ หมายความว่า ถ้า ผู้เสียหาย รู้ ว่า ตน มีสิทธิ เรียกคืน เกิน 1 ปี แล้ว ถึง แม้จะ ยัง ไม่ พ้น 10 ปี นับแต่ เวลา ที่ สิทธิ นั้น ได้ มี ขึ้น หรือ ถ้าผู้เสียหาย รู้ ว่า ตน มีสิทธิ เรียกคืน ยัง ไม่เกิน 1 ปี แต่ ก็ พ้น 10 ปีนับแต่ เวลา ที่ สิทธิ นั้น ได้ มี ขึ้น ก็ ห้าม มิให้ ผู้เสียหาย ฟ้องคดีเพื่อ เรียกคืน เช่นกัน โจทก์ บรรยายฟ้อง ว่า น.ส. 3 ของ จำเลย ได้ มี การออก เมื่อ วันที่ 15 มกราคม 2525 ซึ่ง เป็น วันเดียว กับ วัน ทำ สัญญา ขายให้ แก่ โจทก์ อันเป็น การแสดง ให้ เห็นว่า จำเลย มี เจตนา ไม่สุจริตมา แต่ เริ่มแรก การกระทำ ของ จำเลย เป็น การ ขาย ที่ดิน ให้ แก่ โจทก์โดย ไม่สุจริต และ ไม่มี มูล อัน จะ อ้าง ได้ ตาม กฎหมาย ตาม คำฟ้อง ของ โจทก์ดังกล่าว แสดง ว่า โจทก์ ได้รับ ว่า สิทธิ ที่ จะ เรียกคืน เงิน ค่าซื้อ ที่ดินจาก จำเลย ของ โจทก์ ได้ มี ขึ้น ตั้งแต่ วัน ทำ สัญญาซื้อขาย คือ วันที่15 มกราคม 2525 ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า ถ้า โจทก์ จะ มีสิทธิ ใน การ เรียกเงิน คืน ก็ ควร นับแต่ วันที่ 10 กรกฎาคม 2533 อันเป็น วันที่ เจ้าพนักงานที่ดิน รายงาน เรื่อง น.ส. 3 ของ จำเลย ออก ทับ ที่ดิน มี โฉนด ของ ผู้อื่นให้ กรมชลประทาน ทราบ นั้น จึง ไม่มี เหตุผล ที่ จะ ให้ รับฟัง ได้จาก ข้อเท็จจริง อันเป็น ที่ ยุติ ตาม คำฟ้อง ของ โจทก์ ดังกล่าวจึง ฟังได้ ว่า สิทธิ ที่ จะ เรียกคืน เงิน ค่าซื้อ ที่ดิน จาก จำเลย ของ โจทก์ได้ มี ขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 15 มกราคม 2525 โจทก์ ฟ้องคดี นี้ เมื่อ วันที่20 กุมภาพันธ์ 2535 จึง พ้น 10 ปี ฟ้องโจทก์ จึง ขาดอายุความ แล้วที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share