คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4789/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ขณะจำเลยที่ 1 โอนขายที่ดิน คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลก็ตาม แต่ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 มิได้บัญญัติให้เจ้าหนี้หมายถึงบุคคลผู้ชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้น หากหมายถึงเจ้าหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิฟ้องให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล การที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินไปโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อว่าเมื่อโจทก์ชนะคดีแพ่งแล้ว โจทก์อาจไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 90, 91, 350 และนับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2945/2547 ของศาลอาญา
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปี และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2945/2547 ของศาลอาญา คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โจทก์ถึงแก่กรรม นายชิสาและนายชุษณะ บุตรของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตาย ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 แถลงไม่คัดค้านการขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ขณะจำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินจำนวน 32 แปลง ให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2548 คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ทั้งสองคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ก็ตาม แต่ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำคัญที่ว่าจำเลยที่ 1 โอนที่ดินไปโดยมีเจตนาพิเศษเพื่อว่า เมื่อโจทก์ชนะคดีแพ่งแล้ว โจทก์อาจไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ได้ ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 มิได้บัญญัติให้เจ้าหนี้หมายถึงเฉพาะบุคคลผู้ที่ชนะคดีและคดีได้ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น หากหมายความถึงเจ้าหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิฟ้องให้ชำระหนี้ คำพิพากษาของศาลที่ให้จำเลยที่ 1 รับผิดในทางแพ่งจึงมิใช่องค์ประกอบความรับผิดในทางอาญาฐานโกงเจ้าหนี้ ทั้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 615/2551 ก็มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น จึงไม่อาจนำมารับฟังในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 โอนที่ดินหลังจากที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องและศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ถือว่าโจทก์อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share