คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2971/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า ผู้ขายได้ขายที่ดินจำนวนเนื้อที่ 3 งาน 24 ตารางวา ให้แก่ผู้ซื้อเป็นจำนวนเงิน 1,500 บาทและยอมส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อ วันที่ 2 เมษายน 2524 และผู้ขายได้รับราคาดังกล่าวแล้วไปจากผู้ซื้อเสร็จแล้วแต่วันที่ 2 เมษายน 2524 ย่อมมีความหมายชัดแจ้งว่าผู้ขายได้ขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อโดยเจตนาส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่ผู้ซื้อเท่านั้น ไม่มีถ้อยคำใด ๆ พอที่จะตีความหรือมีความหมายว่าผู้ขายจะไปดำเนินการโอนทางทะเบียนสำหรับที่ดินที่ซื้อขายกันให้แก่ผู้ซื้อ โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินที่ซื้อจากจำเลยแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๔ จำเลยขายที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๖๐๕ เนื้อที่ ๓ งาน ๒๔ตารางวาให้แก่โจทก์ทั้งสองในราคา ๑,๕๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ทั้งสองชำระราคาที่ดินให้แก่จำเลยครบถ้วน และจำเลยส่งมอบที่ดินพร้อมหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองครอบครองจนถึงปัจจุบัน โดยตกลงจะโอนที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองภายหลัง ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอน ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๖๐๕ ให้แก่โจทก์ทั้งสองหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า หนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ ไม่ใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดและจำเลยต้องไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์ทั้งสองนั้น เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาซื้อขายดังกล่าวมีข้อความกล่าวไว้ในข้อ ๑ ว่า ผู้ขายได้ขายที่ดินเลขที่ ๖.๕ เล่ม ๗ ก. เลขที่ดิน๔๘๗ หมายเลข ๔๙๗๑ แผ่นที่ ๘๔ จำนวนเนื้อที่ ๓ งาน ๒๔ ตารางวา ให้แก่ผู้ซื้อเป็นจำนวนเงิน ๑,๕๐๐ บาท และยอมส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อ วันที่ ๒เมษายน ๒๕๒๔ และผู้ขายได้รับราคาดังกล่าวแล้วไปจากผู้ซื้อเสร็จแล้วแต่วันที่ ๒เมษายน ๒๕๒๔ ตามข้อความดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่า ผู้ขายคือจำเลยได้ขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อคือโจทก์ทั้งสองโดยเจตนาส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองเท่านั้น ไม่มีถ้อยคำใดๆ พอที่จะตีความหรือมีความหมายว่าจำเลยจะไปดำเนินการโอนทางทะเบียนสำหรับที่ดินที่ซื้อขายกันให้แก่โจทก์ ส่วนข้อความที่กล่าวไว้ในข้อ ๓ก็เห็นได้ชัดเจนว่า เป็นเรื่องการแบ่งแยกที่ดินกันระหว่างโจทก์ทั้งสองโดยจำเลยไม่เกี่ยวข้องด้วย หาใช่เป็นกรณีที่จำเลยมีเจตนาจะไปโอนที่ดินทางทะเบียนให้แก่โจทก์ทั้งสองไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าวแสดงว่าคู่สัญญามีเจตนาซื้อขายที่ดินกันโดยฝ่ายจำเลยส่งมอบการครอบครองที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาที่จะไปจดทะเบียนโอนทางทะเบียนกันไม่ ซึ่งสามารถกระทำกันได้และโจทก์ทั้งสองก็ย่อมได้สิทธิครอบครองในที่ดินที่ซื้อมาจากจำเลย แต่ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสองได้
พิพากษายืน.

Share