คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้จำหน่ายและครอบครองกระแสไฟฟ้าซึ่งพาดสายไปตามถนน มีหน้าที่ ๆ จะต้องระมัดระวังมิให้สายไฟฟ้าชำรุดบกพร่องอันจะเกิดอันตรายแก่ประชาชน เมื่อจำเลยละเลยไม่ตรวจตราดูแลแก้ไขให้สายไฟฟ้าอยู่ในสภาพดีอยู่ตลอดเวลาจนเกิดมีการตายเพราะถูกกระแสไฟฟ้า จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงต้องรับผิด

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นอันตรายโดยสภาพ มีหน้าที่ระวังมิให้สายไฟฟ้าขาดทอดตามทางสาธารณะ เมื่อเกิดมีการตายเพราะสายไฟฟ้าขึ้น จึงเป็นการประมาทเลินเล่อของจำเลย ให้จำเลยชำระเงิน 26,000 บาทแก่โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่าการที่จำเลยอ้างภาพถ่ายมาแสดงว่าเสาไฟฟ้าถูกรถชน ภาพถ่ายหมาย ล.2 นั้นก็ไม่ปรากฏว่าเสาตอนที่ขาดนั้นมีลักษณะอย่างไร คำของนายเจียด สังธ์ไชย และสิบตำรวจโทสมคาด เทพพิมล พยานจำเลยว่าเสาขาดเสมอกับพื้นดินสันนิษฐานว่าถูกรถชน แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่ารถใครชน เป็นแต่เพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น จำเลยไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเสาไฟฟ้าดังกล่าวล้มลงเพราะเหตุใด เมื่อสายไฟฟ้าขาดห้อยลงมาพาดกับถนนพนักงานของจำเลยก็ไม่ได้รับจัดการแก้ไขให้ทันท่วงที จำเลยจำหน่ายกระแสไฟฟ้าอยู่ย่อมมีหน้าที่บริการตลอดเวลา หน้าที่ของจำเลยผู้ครอบครองกระแสไฟฟ้าซึ่งพาดสายไปตามถนนมีหน้าที่ ๆ จะต้องระมัดระวังมิให้สายไฟชำรุดบกพร่องอันจะเกิดอันตรายแก่ประชาชน การที่ละเลยไม่ตรวจตราดูแลแก้ไขให้สายไฟฟ้าอยู่ในสภาพดีตลอดเวลา จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยจึงต้องรับผิดที่จำเลยฎีกาว่าเป็นความผิดของผู้ตายเองที่ไม่ใช้ความระมัดระวังให้ดีนั้นเห็นว่าหากจำเลยได้แก้ไขสายไฟที่ขาดมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุร้ายก็จะไม่เกิดขึ้น ผู้ที่สัญจรไปมาย่อมอาจคาดคิดหรือทราบได้ว่า ในทางสาธารณะจะมีสายไฟที่จะทำให้เกิดอันตรายทอดขวางทางอยู่ จะโทษว่าเป็นความผิดของผู้ตายด้วยนั้นฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่า ผู้ตายมีส่วนผิดอยู่ด้วย ค่าสินไหมทดแทนควรลดลงตามส่วนนั้น ดังได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็นความผิดของจำเลยฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้มีส่วนผิดด้วย ศาลล่างกำหนดค่าเสียหายไว้นั้นเหมาะสมแล้ว”

พิพากษายืน

Share