แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานเรียกสินบล ที่ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ผู้ที่ถูกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเรียกเอาทรัพย์ โดยที่ไม่จำต้องเสีย นับว่าเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า เมื่อเวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๔๙๑ .ซึ่งเวลากลางคืนตามกฎหมาย จำเลยเป็นเจ้าพนกังานมีตำแหน่งที่สืบเสาะจับคุมผู้กระทำผิดได้หลอกลวงขู่บังคับหาว่า โจทก์สมคบกันเล่นกาาพนันเบี้ยโบ และว่า ถ้าไม่อยากให้จับกุมก็ให้หาเงินมาให้จำเลยเสียคนะล ๕๐ บาท จะเว้นไม่จับกุม จะช่วยมิให้ต้องอาญาถ้าไม่ยอมจะจับส่งอำเภอฟ้องศาล โจทก์กลัวและหลงเชื่อในคำดังกล่าวของจำเลย รุ่งขึ้นเวลากลางวันโจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยรับไป ๒๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๗, ๑๓๘ วรรค ๒,๑๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๒) มาตรา ๓ จำเลยปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่พิพากษาจำคุกจำเลย ๑ ปีตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า
๑ ฟ้องโจทก์บรรยายข้อความและลักษณะความผิดชัดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อกล่าวหาของโจทก์ได้ดี ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
๒ โจทก์เป็นผู้ถูกจำเลยเรียกเอาทรัพย์ และต้องส่งทรัพย์ให้แก่จำเลย นับว่าเป็นผู้เสียหาย เพราะเป็นผู้เสียหายทรัพย์โดยที่ไม่จำจะต้องเสีย จึงมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย