คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4779/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามต่างรับโอนที่ดินที่มีโฉนดไขว้สับกัน และต่างฝ่ายต่างครอบครองที่ดินที่ตนรับโอนมาเกินกว่า10 ปี ดังนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงต่างได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับโอนและครอบครองมาแม้จำเลยทั้งสามจะมีชื่อในโฉนดที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ก็จะอ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จำเลยทั้งสามมิได้มีเจตนารับโอนไม่ได้ โจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิขอบังคับให้จำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดโดยแลกเปลี่ยนกันและจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสามต่างครอบครองที่ดินไขว้สับโฉนดที่ดินกันกล่าวคือ โจทก์ทั้งสองมีชื่อในโฉนดที่ดินเลขที่ 5795 แต่ครอบครองอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5732 ส่วนจำเลยทั้งสามมีชื่อในโฉนดที่ดินเลขที่ 5732 แต่ครอบครองอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5795 โจทก์ทั้งสองติดต่อขอให้จำเลยทั้งสามดำเนินการแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนให้ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้วแต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนให้โจทก์ทั้งสองมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5732ตำบลดอนแฝก อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พร้อมส่งมอบต้นฉบับโฉนดเลขที่ดังกล่าวที่แก้ไขแล้วให้แก่โจทก์ทั้งสอง ให้จำเลยทั้งสามแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนเป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 5759 ตำบลดอนแฝก อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐมพร้อมรับต้นฉบับโฉนดเลขที่ดังกล่าวที่แก้ไขแล้วไป ให้ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนทั้งหมดฝ่ายละครึ่ง หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การกับฟ้องแย้งว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสามต่างมีเจตนาครอบครองที่ดินที่มีชื่อตนเองเป็นเจ้าของเป็นหลัก และไม่มีเจตนาครอบครองที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสามต่างยังไม่มีกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จึงขอแก้ไขโฉนดไม่ได้ และโจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิอายัดที่ดินของจำเลยทั้งสามไว้ ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองถอนการอายัดต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครปฐม ตามคำขอลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2530 อันเกี่ยวกับโฉนดที่ดินเลขที่ 5732ห้ามโจทก์ทั้งสองเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว หากโจทก์ทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามต่างครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ตนรับโอนได้มาไม่ใช่ครอบครองที่ดินตามโฉนดที่ดินที่ตนได้ยึดถือไว้ เพราะโฉนดที่ดินออกไขว้สับกัน การครอบครองของโจทก์ทั้งสองและของจำเลยทั้งสามเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินของตนเองตลอดมา โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยกันทั้งสองฝ่าย และสืบเนื่องกันมาตลอดสาย มิได้เป็นการสำคัญผิดในการครอบครองดังที่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้าง หากแต่เป็นการลงทะเบียนในโฉนดที่ดินผิดพลาดมาแต่ต้นเท่านั้น การที่โจทก์ทั้งสองได้ครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5732 โดยสืบต่อกันมาตั้งแต่ปี 2484 เช่นนี้โจทก์ทั้งสองย่อมได้กรรมสิทธิ์และได้สิทธิการครอบครอง โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจทำการอายัดหรือทำนิติกรรมใด ๆ ในที่ดินดังกล่าวได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของจำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามไม่มีสิทธิฟ้องแย้งในเหตุที่โจทก์ขออายัดที่ดินดังกล่าว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5732 ตำบลดอนแฝก อำเภอเมือง (นครชัยศรี) นครปฐม จังหวัดนครปฐม แก่โจทก์ทั้งสอง โดยให้โจทก์ทั้งสองคืนโฉนดเลขที่ 7595ตำบลดอนแฝก อำเภอเมือง (นครชัยศรี) นครปฐม จังหวัดนครปฐมแก่จำเลยทั้งสามและให้ไปจัดการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามต่างครอบครองอย่างเป็นเจ้าของที่ดินคนละแปลงโดยได้รับโอนการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของติดต่อกันมาไม่ขาดสายนับแต่ปี 2484 และ 2481 ตามลำดับ เดิมที่ดินดังกล่าวเป็นของเจ้าของคนเดียวกัน ต่อมามีการโอนกรรมสิทธิ์กันมาหลายทอด ต่างฝ่ายต่างไม่ได้โต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินของอีกฝ่ายแต่ปรากฏว่าที่ดินแปลงที่โจทก์ทั้งสองครอบครองมีชื่อจำเลยทั้งสามในโฉนดส่วนที่ดินแปลงที่จำเลยทั้งสามครอบครองมีชื่อโจทก์ทั้งสองในโฉนด เพราะมีการออกโฉนดผิดพลาดไขว้สับกัน ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่คนละระวางแผนที่และอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรต่อมาทั้งสองฝ่ายทราบว่ามีการออกโฉนดผิดพลาดสำหรับที่ดินที่ตนครอบครอง ต่างขออายัดที่ดินแปลงที่แต่ละฝ่ายมีชื่อในโฉนดเจ้าพนักงานที่ดินทำการไกล่เกลี่ยขอให้โจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสามแลกเปลี่ยนโฉนดกันให้ถูกต้อง โดยถือที่ดินที่แต่ละฝ่ายครอบครองเป็นหลัก ไม่ให้ถือตามโฉนดที่แต่ละฝ่ายยึดถือไว้เป็นหลักแต่ฝ่ายจำเลยทั้งสามไม่ยินยอมโจทก์ทั้งสองจึงฟ้องเป็นคดีนี้ที่จำเลยทั้งสามฎีกาว่า ฝ่ายจำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 5975 ตำบลดอนแฝก อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม จากนายอ่ำ เอกคูณหารตามเอกสารหมาย ล.3 เป็นการซื้อที่ดินเนื้อที่ 18 ไร่ 3 งาน 16ตารางวา ซึ่งโจทก์ทั้งสองครอบครองอยู่ไม่ใช่เป็นการซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 5732 ตำบลดอนแฝก อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐมเนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา ซึ่งจำเลยทั้งสามครอบครองฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่างครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่ปรากฏชื่อของฝ่ายตนอยู่ในโฉนด การที่ต่างฝ่ายต่างครอบครองที่ดินผู้อื่นโดยไม่รู้และเป็นการครอบครองโดยสำคัญผิดซึ่งเป็นสาระสำคัญ จึงมิใช่ต่างฝ่ายต่างครอบครองอย่างมีเจตนาเพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382นั้น เห็นว่า การที่โฉนดที่ดินของโจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามไขว้สับกัน เป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่เจ้าของที่ดินเดิมทั้งสองแปลงขายให้แก่ผู้ซื้อฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย และน่าเชื่อว่าผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวมีเจตนาซื้อที่ดินแปลงตามที่ตนได้เข้าครอบครองดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสามต่างรับโอนที่ดินมีโฉนดไขว้สับกันมา และต่างฝ่ายต่างครอบครองที่ดินที่ตนรับโอนมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ทั้งสองฝ่ายจึงต่างได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับโอนและครอบครองมา แม้จำเลยทั้งสามจะมีชื่อในโฉนดที่ดินที่โจทก์ครอบครอง จำเลยทั้งสามจะอ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งจำเลยทั้งสามมิได้มีเจตนารับโอนหาได้ไม่ ฉะนั้น โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิขอให้บังคับจำเลยทั้งสามส่งมอบโฉนดโดยแลกเปลี่ยนกันและจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงความเป็นจริงได้ หาใช่เป็นการครอบครองที่ดินโดยสำคัญผิดดังที่จำเลยทั้งสามอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share