คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบุกรุกเคหะสถานของผู้เสียหายแล้วทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหะสถานนั้น
พิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหะสถานนั้นจริง ปรากฏว่าเคหะสถานนั้นเป็นของมารดาผู้เสียหาย และมารดาผู้เสียหายไม่ได้ไปร้องทุกข์ในข้อหาฐานบุกรุกดังนี้ แม้ศาลจะยกฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกโดยเหตุที่เจ้าของเคหะสถานไม่ได้ร้องทุกข์ก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและทำอนาจารได้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนเคหะสถานของนายหมึก แล้วกอดปล้ำกระทำอนาจารนางสาวผิว และทำร้ายร่างกายนายหมึกถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญามาตรา๒๔๖-๒๕๔-๓๒๕.
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามก.ม.อาญามาตรา ๒๔๖-๒๕๔ ส่วนข้อหาฐานบุกรุกเป็นของนางเล็กมารดานายหมึกและนางเล็กครอบครองอยู่ มิได้ร้องทุกข์ จึงลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเฉพาะข้อ ก.ม.ว่าเรือนที่เกิดเหตุเป็นของนางเล็ก มิใช่เรือนนายหมึก ข้อเท็จจริงพิจารณาได้ความจึงต่างกับฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างยกฟ้องในข้อหาบุกรุกก็เพราะนางเล็กเจ้าของเคหะไม่ไปร้องทุกข์ หาใช่ที่เกิดเหตุก็คือเรือนนางเล็ก ซึ่งนายหมึกอยู่ร่วมด้วย ตั้งอยู่ตามตำบลในฟ้องนั้นเอง จึงพิพากษายืน

Share