แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลฎีกามีคำสั่งอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยว่า ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าเช็คตามฟ้องผู้เสียหายคิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายกำหนดรวมอยู่ด้วย กับฎีกาที่ขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ดังนี้ ประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเช็คตามฟ้องผู้เสียหายคิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยและขอให้รอการลงโทษ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 คงมีประเด็นแห่งคดีที่ขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าเช็คตามฟ้องออกเพื่อชำระหนี้หรือออกเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้วมีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหมายความว่าศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวที่ไม่วินิจฉัยในประเด็นว่าเช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้หรือออกเพื่อประกันการชำระหนี้ แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นแห่งคดีดังกล่าว ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 225 ประกอบ มาตรา 208 (2) เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีดังกล่าวตามที่ศาลฎีกาย้อนสำนวนว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แล้วพิพากษายืน จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 (1) (2) และนับโทษของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 322/2545 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 (1) จำคุก 2 เดือน คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 (ที่ถูก มาตรา 218 วรรคหนึ่ง) จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าเช็คตามฟ้อง โจทก์ (ที่ถูก ผู้เสียหาย) คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายกำหนดรวมอยู่ด้วย กับที่ฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาที่โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในข้อดังกล่าวนั้นชอบแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้หรือออกเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีดังกล่าวแล้วมีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงหมายความว่าศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวที่ไม่วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้หรือออกเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นแห่งคดีดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบมาตรา 208 (2) เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นแห่งคดีดังกล่าวตามที่ศาลฎีกาย้อนสำนวนว่าจำเลยออกเช็ค เพื่อชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ แล้วพิพากษายืน จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน