แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 279 ให้จำคุก 4 ปี และตามมาตรา 317 ให้จำคุก 5 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 9 ปีลดโทษตามมาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 317 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279,317, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี และมีความผิดตามมาตรา 317 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี รวมเป็นจำคุก 9 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 317 บทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกมีกำหนด 5 ปี ลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามฟ้อง หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจริง ก็ขอให้ลงโทษในสถานเบา และขอให้รอการลงโทษนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279ให้จำคุก 4 ปี และตามมาตรา 317 ให้จำคุก 5 ปี รวมเป็นโทษจำคุก9 ปี เมื่อลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 317 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี เมื่อลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ดังนี้ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยมา จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย.