คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสมคบกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานจับหญิงไปขังไว้แล้วให้พรรคพวกไปหลอกลวงผู้ปกครองหญิงให้ ๆ เงินแก่ตนโดยอ้างว่าจะเอาไปให้ตำรวจเพื่อให้ปล่อยตัวหญิงนั้น ต้องมีผิดตาม ม.304 ด้วยบุคคลธรรมดาที่สมคบกันเจ้าพนักงานไปกระทำผิดต้องตาม ม.136 ไม่มีผิดตามมาตรานี้
พฤตติการณ์ที่เป็นผิดตาม ม.136
โจทก์ฟ้องบรรยายความแต่เพียงว่ามีผู้พาหญิงไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ที่บ้านจำเลยลอย ๆ ดังนี้ ไม่นับว่าเป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ม.158(5) โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักพาหญิงไปเรียกค่าไถ่ขอให้ลงโทษตาม ม.136-270 และ 303 แต่ศาลเห็นว่าจำเลยมีผิดตาม ม.304 ก็ลงโทษตามมาตรานี้ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่านายชุน นายสนิท ส.ต.ต.สวัสดิ์ และนานชื้นจำเลยได้สมคบกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานจับกุม ช.หญิงสาวไปหล่วงเหนี่ยวกักขังไว้ที่บ้านนายประสานจำเลยเพื่อเรียกเอาสินไถ่ แล้วนายสนิทกับนางลูกจันจำเลยได้ขู่เข็ญผู้ปกครอง ช.ให้ส่งเงิน ๑๔๐ บาทเพื่อเป็นสินไถ่ให้จำเลยปล่อย ช.ขอให้ลงโทษตาม ม.๑๒๗-๑๓๖-๒๖๘-๒๗๐-๓๐๓
ก่อนสืบพะยานนายสนิทกับนางลูกจันหนีไป
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่านายชุน ส.ต.ต.สวัสดิ์และนายชื้นจำเลยมีความผิดตาม ม.๑๓๖-๒๖๘-๒๗๐ นายชื้นยังมีผิดตาม ม.๑๒๗ อีกบทหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง ๓ คนตาม ม.๑๓๖ อันเป็นบท++++แต่บทเดียว ให้จำคุกไว้คนละ ๖ ปี ส่วนนายประสานจำเลยให้ปล่อยตัวไปเพราะฟ้องโจทก์มิได้แสดงความผิดของนายประสาน
โจทก์ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ปล่อยนายประสานจำเลยที่ต้องโทษฎีกาว่าไม่มีความผิด
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าในวันเกิดเหตุนายชุนจำเลยได้พา ช.ซึ่งเป็นหญิงขายน้ำชาไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วนายสนิท ส.ต.ต.สวัสดิ์และนายชื้นจำเลยได้เข้าไปในห้องที่นายชุนและ ช.อยู่ แล้วนายชื้นจำเลยได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจับ ช.ไปหาว่าเป็นหญิงนครโสเภณีไม่ได้รับอนุญาตแล้วพา ช.ไปบ้านนายประสานจำเลย แล้วนายสนิทกับนางลูกจันพวกจำเลยได้ไปหลอกลวงผู้ปกครอง ช.ให้ ๆ เงินตน ๑๔๐ บาท เพื่อจะได้เอาไปให้ตำรวจ ๆ จะได้ปล่อย ช.มา ผู้ปกครอง ช.ยอมให้เงินแก่จำเลย
ศาลฎีกาตัดสินว่า จำเลยทั้ง ๓ มีความผิดตาม ม.๓๐๔ แม้โจทก์จะมิได้อ้างมาตรานี้มาเป็นบทลงโทษศาลก็มีอำนาจลงได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๒ วรรค ๔ แต่ฉะเพาะ ส.ต.ต.สวัสดิ์นั้นมีผิดตาม ม.๑๓๖ ด้วย ให้ลงโทษตาม ม.๑๓๖ ซึ่งเป็นบทหนัก แต่จำเลยอื่นไม่มีผิดตาม ม.๑๓๖ เพราะไม่ใช่เจ้าพนักงาน จำเลยทั้ง ๓ ยังมีผิดตาม ม.๒๗๐ อีก กะทงหนึ่งด้วย นายชื้นได้แสดงตนว่าเป็นตำรวจไปกับ ส.ต.ต.สวัสดิ์จึงมีผิดตาม ม.๑๒๗ อีกกะทงหนึ่ง แต่ต้องรวมกะทงลงโทษจำเลย จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก ส.ต.ต.สวัสดิ์ ๖ ปีตาม ม.๑๓๖-๒๗๐ นายชื้น ๖ ปี ตาม ม.๓๐๔-๒๗๐-๑๒๗ นายชุน ๕ ปีตาม ม.๓๐๔-๒๗๐ สำหรับฎีกาของโจทก์นั้นเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวถึงตัวนายประสานแต่เพียงว่านายสนิท ส.ต.ต.สวัสดิ์ได้จับกุม ข.ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ที่บ้านนายประสานเท่านั้น ไม่มีตอนใดพาดพิงมาให้เห็นว่านายประสานจำเลยได้ทำกิจอันใดลงจนถึงกับเป็นผิดดังโจทก์ขอมาในฟ้อง จึงนับว่าเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ม.๑๕๘ (๕) แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในข้อนี้

Share