คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4769/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ลงชื่อทราบหมายบังคับคดี กับลงชื่อในบันทึกการยึดทรัพย์ บัญชีทรัพย์ที่ยึด และสัญญารักษาทรัพย์ ซึ่งต่างลงวันที่วันเดียวกับวันที่ยึดทรัพย์ แสดงว่าจำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นการยึดทรัพย์และการคำนวณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตลอด เมื่อจำเลยที่ 3 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริง แม้จะมิใช่เรื่องการคำนวณราคาทรัพย์เพื่อเรียกค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่ขายตามหมายเหตุท้ายตาราง 5จำเลยที่ 3 ก็ต้องเสนอเรื่องต่อศาลภายใน 8 วัน นับแต่วันที่ยึดทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296วรรคสอง
เมื่อจ่าศาลได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วย่อมมีอำนาจมอบหมายให้รองจ่าศาลไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้
การขายทอดตลาดได้เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว และราคาที่ขายได้ในครั้งหลังสุดก็สูงพอสมควร ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้หาผู้เข้าสู้ราคาให้ราคาสูงกว่านี้ได้ และการเลื่อนการขายทอดตลาดไปก็ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ในราคาสูงกว่านี้อีก จึงไม่ควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดต่อไป.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์และจำเลยทั้งสามได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยทั้งสามผิดสัญญา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ ๓เพื่อขายทอดตลาด ไม่มีการประกาศขายทอดตลาดหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๑ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้ให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน ๑,๕๘๐,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๓๑ จำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลแต่งตั้งเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งราคาที่ขายทอดตลาดยังต่ำเกินสมควรขอให้เพิกถอนการประเมินราคาทรัพย์และการขายทอดตลาด
โจทก์คัดค้านว่า การยึดทรัพย์รายนี้จำเลยที่ ๓ อยู่รู้เห็นและเห็นชอบกับราคาประเมินของเจ้าพนักงานบังคับคดี การขายทอดตลาดได้ราคาเหมาะสม และได้กระทำโดยชอบแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาในข้อแรกว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคำนวณราคาทรัพย์ที่ยึดในคดีนี้ มิใช่เป็นการคำนวณราคาทรัพย์เพื่อเสียค่าธรรมเนียมในการยึดแล้วไม่ขาย กรณีจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา๔๙๖ และหมายเหตุท้ายตาราง ๕ เรื่องค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีคำนวณราคาทรัพย์โดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ราคา ซื้อขายที่ดินใกล้เคียงและราคาที่โจทก์เคยประเมินไว้ถึง๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท เอกสารเกี่ยวกับการยึดทรัพย์เป็นพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้นั้น เห็นว่า แม้การคำนวณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีมิใช่เป็นการคำนวณราคาทรัพย์เพื่อเรียกค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่ขายตามที่จำเลยที่ ๓ อ้างก็ตาม แต่ตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๐ ระบุว่าในวันที่ไปทำการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ ๒๖ เดือนเดียวกัน จำเลยที่ ๓ ได้เซ็นทราบหมายบังคับคดีแล้ว และจำเลยที่ ๓ ยังได้ลงลายมือชื่อในบันทึกการยึดทรัพย์ บัญชีทรัพย์ที่ยึดซึ่งระบุราคาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคำนวณไว้ กับลงลายมือชื่อในสัญญารักษาทรัพย์ ซึ่งเอกสารเหล่านี้ต่างลงวันที่เดียวกับวันที่ยึดทรัพย์ทั้งสิ้นแสดงว่าจำเลยที่ ๓ ได้รู้เห็นการยึดทรัพย์และการคำนวณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตลอด และเอกสารดังกล่าวเจ้าพนักงานบังคับคดีและจำเลยที่ ๓ ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐานจำเลยที่ ๓ จะเถียงว่าตนไม่รู้เห็นหรือไม่ทราบการคำนวณราคาทรัพย์หาได้ไม่ และเมื่อจำเลยที่ ๓ อ้างว่าการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายในการดำเนินการบังคับคดีดังที่ปรากฏในคำร้อง คัดค้านของจำเลยที่ ๓ ลงวันที่ ๓๐มีนาคม ๒๕๓๐ กรณีก็ตกอยู่ในบังคับคดีแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคสอง ซึ่งจำเลยที่ ๓ จะต้องเสนอเรื่องต่อศาลภายใน ๘ วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืนคือวันยึดทรัพย์ดังวินิจฉัยมาแล้ว
จำเลยที่ ๓ ฎีกาข้อต่อมาว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ ๓โดยนางสาวเครือวัลย์ จงพิทักษ์รัตน์ รองจ่าศาลเมื่อวันที่ ๒๒มีนาคม ๒๕๓๑ นั้นไม่ชอบ เพราะมิใช่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลโดยเฉพาะนั้น เห็นว่าจ่าศาลเป็นหัวหน้างานราชการในฝ่ายธุรการของศาล ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานในหน้าที่ตามคำสั่งศาลเมื่อจ่าศาลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีจากศาลแล้วย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการบังคับคดีไปตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ และมีอำนาจที่จะมอบหมายให้รองจ่าศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานศาลผู้หนึ่งไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้ในเมื่อตนเองไม่อาจไป ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ ทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามระเบียบวิธีปฏิบัติของทางราชการ มิฉะนั้นแล้วการบังคับคดีก็ไม่อาจดำเนินไปได้และอาจก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น และการมอบหมายให้รองจ่าศาลไปปฏิบัติหน้าที่นี้เป็นเรื่องภายในและอยู่ในความรับผิดชอบของจ่าศาลโดยตรงอยู่แล้ว ทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของรองจ่าศาลในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีนี้ก็ไม่ปรากฏว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด ถือได้ว่านางสาวเครือวัลย์ จงพิทักษ์รัตน์ รองจ่าศาลได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยชอบแล้ว
จำเลยที่ ๓ ฎีกาในข้อสุดท้ายว่า ราคาขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ ๓ ต่ำไปเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าได้มีการเลื่อนการขายทอดตลาดมาหลายครั้งแล้ว และราคาที่ขายได้ก็สูงพอสมควร ไม่ควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดต่อไป ที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่าราคาต่ำไปนั้นก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๓ ได้หาผู้เข้าสู้ราคาให้สูงกว่านี้ได้ และการเลื่อนการขายทอดตลาดไปก็ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ในราคาสูงกว่านี้อีก
พิพากษายืน.

Share