คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 680 สัญญาค้ำประกันจะมีได้เมื่อมีสัญญาหรือหนี้อื่นที่ลูกหนี้จะต้องชำระ แล้วคู่กรณีมาตกลงกันให้มีการป้องกันอีกชั้นหนึ่งว่า หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะชำระแทน เพื่อที่เจ้าหนี้จะได้มีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นมูลความแห่งคดีของหนี้ตามสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันจึงเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยต่อศาลที่จำเลยคนหนึ่งคนใดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 5 วรรคสองได้ จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะเป็นหญิงมีสามีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จำเลยไม่รับรอง ส. ผู้ให้ความยินยอมจะเป็นสามีโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรอง คำให้การของจำเลยจึงไม่ชัดแจ้ง ขัดต่อป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นนี้ให้จึงชอบแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินไปจากโจทก์50,000 บาท มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อครบกำหนดแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินกู้และดอกเบี้ยรวม 55,312.50 บาทแก่โจทก์ และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้น 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จะเป็นหญิงมีสามีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และนายสนธิชัย ศรีสวัสดิ์ ผู้ให้ความยินยอมจะเป็นสามีโจทก์หรือไม่ จำเลยทั้งสองไม่รับรอง จำเลยทั้งสองเล่นแชร์น้ำมันกับบริษัทชาร์เตอร์อินเวสเมนท์ จำกัด และบริษัทไสว ผลิตภัณฑ์การเกษตรจำกัด ต่อมานางพวงเพชร ธวัชชัยนันท์ ฝากเงิน 50,000 บาท เล่นแชร์กับบริษัทดังกล่าวโดยผ่านจำเลยที่ 1 แต่นางพวงเพชรขอให้จำเลยที่ 1ทำสัญญากู้และให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันไว้เป็นหลักฐานโดยไม่ต้องการให้เอกสารดังกล่าวผูกพันกันจริง นิติกรรมตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ จำเลยทั้งสองไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดพิษณุโลกและศาลจังหวัดพิษณุโลกไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 50,000 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 2กุมภาพันธ์ 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลจังหวัดพิษณุโลกไม่ได้ เพราะสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาคนละอย่าง สามารถแยกมูลความแห่งคดีได้โดยชัดแจ้งนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 สัญญาค้ำประกันจะมีได้เมื่อมีสัญญาหรือหนี้อื่นที่ลูกหนี้จะต้องชำระ แล้วคู่กรณีมาตกลงกันให้มีการป้องกันอีกชั้นหนึ่งว่าหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันจะชำระแทน เพื่อที่เจ้าหนี้จะได้มีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นมูลความแห่งคดีจึงเป็นเรื่องเดียวกันไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลที่จำเลยคนหนึ่งคนใดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 วรรคสอง ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาอีกว่า โจทก์ฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามีนั้น จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์จะเป็นหญิงมีสามีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จำเลยไม่รับรอง นายสนธิชัย ศรีสวัสดิ์ ผู้ให้ความยินยอมจะเป็นสามีโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่รับรอง คำให้การของจำเลยจึงไม่ชัดแจ้งขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นให้จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share