แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยอมความในคดีอาญา ความผิดต่อส่วนตัวนั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) (อ้างฎีกาที่ 976/2481)
ในส่วนแพ่ง การประนีประนอมยอมความ ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ และข้อที่อ้างว่าได้ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความครบถ้วนแล้วโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไม่ได้เพราะการนำสืบพยานบุคคลในข้อนี้มีผลเป็นการยกสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นต่อสู้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 7 มกราคม 2505 จำเลยซื้อถั่วมันจากโจทก์ราคา 30,000 บาท แล้วออกเช็คเป็นการชำระราคา วันที่ 23 มกราคม2505 โจทก์นำเช็คซึ่งถึงกำหนดชำระเงินไปขอรับเงิน ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินให้ โดยจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีพอจ่าย โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยว่าจะนำเงินเข้าธนาคาร โจทก์ได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารอีก ธนาคารปฏิเสธเช่นเดิม จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ โจทก์ควรได้รับเงิน 30,000 บาท แต่วันที่ 23 มกราคม 2505 แต่ไม่ได้รับ คงเสียหายขาดประโยชน์คิดเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และขอให้จำเลยใช้เงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินมารดาโจทก์และออกเช็คพิพาทเป็นประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยมีหนี้สินมาก โจทก์และบรรดาเจ้าหนี้ตกลงคิดเอาเพียง 20% ของหนี้ โดยให้ผ่อนชำระ มารดาโจทก์เก็บเงินจากจำเลย 3 คราวครบ 6,000 บาท และขอให้จำเลยเพิ่มอีก 10% จำเลยเพิ่มให้ และได้รับเงินไปหมดเมื่อประมาณปี 2505 รวม 9,000 บาท โจทก์กลับเอาเช็คซึ่งมีการประนอมหนี้ และชำระเงินตามข้อตกลงไปแล้วมาฟ้อง จึงเป็นโมฆะและใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คประกันเงินกู้ ไม่มีเจตนาใช้เงินตามเช็คและโจทก์ได้ตกลงประนอมหนี้กับจำเลย เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้เช็คจึงระงับและเป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยออกเช็คชำระราคาถั่วมัน มีการประกอบหนี้ตกลงเอา 20% หนี้ตามเช็คระงับ ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คระงับไปด้วยเป็นการยอมความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) สิทธิฟ้องคดีระงับไป การประนอมหนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานก็ใช้ได้นัยฎีกา 976/2481 ในทางอาญาจำเลยไม่มีความผิด ส่วนทางแพ่งนั้นการประนอมหนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ซึ่งหมายถึงจำเลยยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้ด้วย นัยฎีกา 237/2504 และฟังว่าจำเลยชำระเงินไม่ได้ พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน 30,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยอมความในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวนั้นแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็มีผลทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ดังฎีกาที่976/2481 ฉะนั้นการประนอมหนี้ในคดีนี้เป็นการยอมความที่ใช้ได้แล้วสิทธิฟ้องร้องคดีของโจทก์ย่อมระงับไป
ในส่วนแพ่งเห็นว่า การประนอมหนี้ในคดีนี้ เป็นการประนีประนอมยอมความ ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ได้ ดังศาลอุทธรณ์อ้างบทกฎหมายและคำพิพากษาฎีกามา ชอบแล้วฉะนั้น จำเลยจะอ้างในส่วนแพ่งไม่ได้ว่าเช็คพิพาทได้ประนอมหนี้หรือประนีประนอมยอมความแล้ว ทั้งอ้างไม่ได้ว่าเช็คตกเป็นโมฆะโดยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติเช่นนั้นข้อที่อ้างว่าได้ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความครบถ้วนแล้วก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จะยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้ เพราะการนำสืบพยานบุคคลในข้อนี้ มีผลเป็นการยกสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นต่อสู้ด้วย เมื่อรับฟังไม่ได้ว่ามีการประนีประนอมยอมความ จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คย่อมถูกผูกพัน จะปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามเช็คหาได้ไม่ไม่ว่าจะเป็นเช็คที่ออกประกันหนี้เงินกู้หรือชำระราคาถั่วมันก็ตามพิพากษายืน