คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางเดินอยู่ในหน้าโฉนดซึ่งเป็นกรรมสิทธิของเอกชนจะกลับกลายเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะ ต้องมีการอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงแต่ได้ความว่ามีคนเดินผ่านไปมาหลายสิบปีแล้วเท่านั้น หาทำให้ทางนั้นเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะเสมอไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำรั้วและประตูปิดกั้นทางเดินสาธารณะ ๒ สายในเขตท้องที่บางลำภูล่าง กิ่งอำเภอคลองสารจังหวัดธนบุรี และจัดการรื้อหินปูนทับทางนั้นออกเสีย รือสพานสำหรับข้ามทางสาธารณะนั้นเสีย จึงขอให้จำเลยจัดทำให้เหมือนสภาพเดิมหรือใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ทางพิพาทอยู่ในเขตต์ที่ดินของจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่เป็นทางสาธารณะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีได้ความว่า ทางรายพิพาทอยู่ในโฉนดที่จำเลยรับโอนกรรมสิทธิมา มีผู้อยู่แถวนั้นใช้เป็นทางเดินมาลงท่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่ปรากฎว่าได้มีการอุทิศทางนี้ให้เป็นทางหลวงหรือเป็นทางสาธารณะ โดยตรงหรือโดยปริยายแต่อย่างใด ฉะนั้นจะสงเคราะห์ว่าทางรายนี้เป็นทางหลวงหรือทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ในอำนาจคณะกรรมการอำเภอตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่หรือเป็นทางหลวงตามประมวลแพ่งฯ ย่อมไม่ได้ ฉะนั้นกระทรวงมหาดไทย จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้
จึงพิพากษายืน

Share